กระทรวงศึกษาธิการกำหนดแนวปฏิบัติเรื่องทรงผมนักเรียนเมื่อปี 2556 ให้นักเรียนหญิงไว้ผมยาวหรือสั้นก็ได้ ในกรณีที่ไว้ผมยาวให้รวบให้เรียบร้อย

จากกรณีที่มีการแชร์คลิปนักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลายคนหนึ่งถูกตัดผม ซึ่งเดิมทีผมของเธอยาวถึงกลางหลัง แต่ถูกครูตัดสั้นเหลือความยาวแค่ปะบ่า ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางบนสังคมออนไลน์ พร้อมกับตั้งคำถามถึงวิธีการลงโทษของครูว่า เป็นการละเมิดสิทธิเด็กและขัดต่อกฎของกระทรวงศึกษาธิการหรือไม่
ด้านรองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารกิจการนักเรียนของโรงเรียนดังกล่าวเปิดเผยข้อมูลในเวลาต่อมาว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 62 เป็นวันตรวจระเบียบการแต่งกายของนักเรียน ซึ่งทางโรงเรียนมีกฎว่า “นักเรียนหญิงสามารถไว้ผมยาวได้ไม่เกิน 9 นิ้ว จากหูส่วนบน” และได้ชี้แจงกฎต่างๆ กับนักเรียนและผู้ปกครองแล้ว ดังนั้นจึงตัดผมนักเรียนที่ทำผิดระเบียบของโรงเรียน
แต่กระทรวงศึกษาธิการเคยกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับทรงผมนักเรียนเอาไว้เมื่อปี 2556 ว่า “นักเรียนหญิง ให้ไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ยาวก็ให้รวบให้เรียบร้อย” โดยไม่มีการกำหนดความยาว
แนวทางดังกล่าวถูกเปลี่ยนแปลงมาจากกฎกระทรวง ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2515) และ 2 (พ.ศ.2518) ที่เคยระบุไว้ว่า “นักเรียนหญิงตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกินกว่านั้นก็ให้รวบให้เรียบร้อย”
โดยกฎกระทรวงอันเก่าที่ใช้มาตั้งแต่ทศวรรษ 2520 นั้นได้ยกเลิกไปหลังมีการออก พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก เมื่อปี 2546 เพราะขัดกับ พ.ร.บ. แต่ยังคงระเบียบเรื่องทรงผมเอาไว้ตามบทเฉพาะกาล จนกระทั่งปี 2556 กระทรวงศึกษาฯ ได้กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับทรงผมนักเรียนขึ้นใหม่ เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยระบุว่า (1) นักเรียนชาย ให้ไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ หากไว้ผมยาวด้านข้างและด้านหลังต้องยาวไม่เลยตีนผม และ (2) นักเรียนหญิง ให้ไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ยาวก็ให้รวบให้เรียบร้อย
ทั้งนี้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยังเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการลงโทษนักเรียนด้วยวิธีการตัดผม เมื่อเดือน พ.ค. 2560 จากกรณีที่โรงเรียนแห่งหนึ่งไถผมนักเรียนชายว่า กระทรวงศึกษาฯ ไม่มีข้อกำหนดให้ครูลงโทษนักเรียนด้วยวิธีดังกล่าว นอกจากนั้นการตัดผมนักเรียนถือเป็นการละเมิดสิทธิของเด็กอีกด้วย