SHARE

คัดลอกแล้ว

ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่อันดับที่ 12 ของโลก โดยมี จีน ญี่ปุ่น เเละ สวิตเซอร์แลนด์ สูงเป็นอันดับที่ 1 , 2 เเละ 3 ตามลำดับ

จากข้อมูลการจัดอันดับทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือน ก.พ. 61 ปรากฏว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 12 จากจำนวนทั้งหมด 193 ประเทศ โดยช่วงเวลาดังกล่าว ไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศ สูงถึง 213,277 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนอันดับที่ 1 คือ “จีน” มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 3,235,895 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตัวเลข ณ เดือน ธ.ค.60)

อันดับที่ 2 คือ “ญี่ปุ่น” มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 1,264,283 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตัวเลข ณ เดือน ธ.ค.60)

อันดับที่ 3 คือ “สวิตเซอร์แลนด์” มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 795,100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตัวเลข ณ เดือน ก.ย.60)

อันดับที่ 4 คือ “ซาอุดีอาระเบีย” มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 488,900 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตัวเลข ณ เดือน ธ.ค.60)

อันดับที่ 5 คือ  “รัสเซีย” มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 454,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตัวเลข ณ เดือน ก.พ.61)

อันดับที่ 6 คือ  “ไต้หวัน” มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 451,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตัวเลข ณ เดือน ธ.ค.60)

อันดับที่ 7 คือ “ฮ่องกง” มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 431,400 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตัวเลข ณ เดือน ธ.ค.60)

อันดับที่ 8 คือ “อินเดีย” มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 421,721 ล้านเหรียญสหรัฐ  (ตัวเลข ณ เดือน ก.พ.61)

อันดับที่ 9 คือ “เกาหลีใต้” มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 395,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตัวเลข ณ เดือน ม.ค.61)

อันดับที่ 10 คือ “บราซิล” มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 381,056 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตัวเลข ณ เดือน ธ.ค.60)

อันดับที่ 11 คือ “สิงคโปร์” มีทุนสำรองระหว่างประเทศ 279,899ล้านเหรียญสหรัฐ (ตัวเลข ณ เดือน ธ.ค.60)

ส่วนข้อมูลล่าสุดจากธนาคารแห่งประเทศไทย ของวันที่ 27 เม.ย. 61 (ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 61) ไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศ 6,809,044 ล้านบาท เทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนของวันดังกล่าว โดย 1 เหรียญสหรัฐ เท่ากับ 31.6 บาท ไทยจึงมีทุนสำรองระหว่างประเทศจำนวน 215,165,790 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนก่อนหน้านั้นที่มีข่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยขาดทุน 9 แสนล้านบาทนั้น นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ชี้แจงเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ว่า เป็นการขาดทุนทางบัญชีค่าเงิน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ อันเนื่องมาจากมีเงินจากต่างประเทศเข้ามามาก และค่าเงินบาทสูงขึ้น

สอดคล้องกับข้อมูลของ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.กระทรวงการคลัง ที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองว่า “การขาดทุนแบงค์ชาติขณะนี้ไม่ได้เกิดจากการเก็งกำไร หรือจากซื้อๆ ขายๆ เงินตราต่างประเทศ หรือจากซื้อขายหลักทรัพย์ หรือเล่นหุ้น แต่เกิดจากการมีเงินสำรองมาก

“อธิบายง่ายๆ ตัวอย่างมีเงินสำรองสองแสนล้านดอลลาร์ ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเทียบกับดอลล่าร์ 1 บาท แบงค์ชาติก็จะขาดทุนทางบัญชี 200,000 ล้านบาท แต่ในทางกลับกัน ค่าเงินบาทอ่อนลงเทียบกับดอลล่าร์ 1 บาท แบงค์ชาติก็จะกลับมีกำไรทางบัญชี 200,000 ล้านบาท…”

ข้อมูลจาก https:// https://th.wikipedia.org/wiki/รายชื่อประเทศเรียงตามมูลค่าทุนสำรองระหว่างประเทศ
ธนาคารแห่งประเทศไทย http:// www2.bot.or.th/statistics/ReportPage.aspx?reportID=94&language=th
เฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า