SHARE

คัดลอกแล้ว

ชาร์ล แมนสัน อาชญากรผู้บงการเบื้องหลังคดีฆาตกรรมโหด 7 ศพ ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2512 เสียชีวิตโดยธรรมชาติ ด้วยวัย 83 ปี ที่โรงพยาบาลเคิร์นเคาน์ตี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2560 หลังจากถูกจองจำในคุกมากว่า 40 ปี

ชาร์ล แมนสัน เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2477 ในเมืองซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา จากแม่ของเขาที่มีอายุเพียง 16 ปี ในวัยเด็ก เขาถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ตั้งแต่อายุ 13 ปี ก่อนที่จะพ้นโทษในปี 2510 ในยุคที่กระแสฮิปปี้รุ่งเรือง

แมนสันได้ย้ายไปอยู่ซานฟานซิสโก ในช่วงที่เรียกว่า ฤดูร้อนแห่งความรัก ไม่นานเขาสถาปนาตัวเองเป็นศูนย์กลางกลุ่มยาเสพติด เริ่มมีผู้คลั่งไคล้ในตัวแมนสันว่าเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณเปรียบเสมือนพระเจ้า จนมีสาวกซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิงได้ติดตามเขาและเรียกรวมกันว่า “ครอบครัว (family)

แมนสันคลั่งไคล้เพลง Helter Skelter ของวงเดอะบีทเทิลส์ จนเอาเนื้อเพลงมาตีความ พูดถึงวันสิ้นโลกที่เกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างคนผิวขาวกับคนผิวสี โดยคาดหวังมาคนผิวสีจะชนะ แต่ความจริงไม่ได้เกิดสงครามเช่นนั้น แมนสันจึงจัดการให้มันเกิดขึ้นเสียเอง โดยบงการสั่งให้สาวกในครอบครัว ไปสังหารคนที่คิดว่าเป็นศัตรู จนสาวกของเขาคล้อยตาม ส่วนมากเขาจะเลือกเหยื่อผิวขาวที่อาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส

โรมัน โปลันสกี้ และชารอน เทต

เขาบงการเหล่าสาวกในครอบครัว ให้ลงมือฆ่าเหยื่อ 7 ศพภายสองคืนระหว่างวันที่ 9 – 10 สิงหาคม 2512 โดยเหยื่อที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ ชารอน เทต (Sharon Tate) นักแสดงสาวผู้มีความงามตามแบบสาวอเมริกัน ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ของ โรมัน โปลันสกี้ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง

เธอจะพยายามอ้อนวอนร้องขอชีวิตเพื่อทารกในครรภ์ แต่แมนสันไม่สนใจ สั่งให้สาวกคนหนึ่งลงมือแทงเทตกว่า 16 ครั้งจนเสียชีวิต หลังจากได้ชิมรสชาติเลือดของนักแสดงสาว และเขียนคำว่า “PIG”  ไว้บนประตูหน้าบ้านอย่างสยดสยอง

อย่างไรก็ตาม ในปี 2514 ตำรวจสามารถสืบเสาะตามตัวไปจนถึงแมนสันได้ แม้ไม่เคยลงมือฆ่าเหยื่อเอง แต่ศาลพิพากษาความผิดฐานบงการฆาตกรรมอยู่เบื้องหลัง แมนสันและเหล่าสาวกอีก 4 คนถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหาฆาตกรรม 7 ศพ แต่ทว่าที่รัฐแคลิฟอร์เนียยกเลิกโทษประหารชีวิตไปก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงถูกจำคุกตลอดชีวิต แม้จะเคยยื่นเรื่องขออภัยโทษหลายครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธมาโดยตลอด จนกว่าจะถึงปี 2570 ศาลจะรับพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งหากแมนสันยังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีอายุ 93 ปี

 

ที่มา AFP

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า