(เอเอฟพี) แฟ้มภาพ ชายหาด ประเทศออสเตรเลีย ประเด็นคือ – ซิดนีย์ เมืองหลวงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย กำลังเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดที่สุดในรอบ 79 ปี โดยอุณหภูมิพุ่งแตะ 47.3 องศาเซลเซียส ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกา เผชิญกับอากาศหนาวจัดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานาน โดยอุณหภูมิ ติดลบเป็นตัวเลขสองหลัก ขณะที่รัฐนิวยอร์ก และอีกหลายพื้นที่ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน เตือนให้ประชาชนอาศัยอยู่แต่ในบ้านและที่พัก เพื่อป้องกันอันตรายจาก บอมบ์ ไซโคลน แต่อีกซีกโลกอย่าง นครซิดนีย์ ในประเทศออสเตรเลีย กลับต้องเจอกับอากาศร้อนจัดเป็นประวัติการณ์โดยทวิตเตอร์ของสำนักงานอุตุนิยมวิทยา รัฐนิวเซาท์เวลส์ รายงาน อุณหภูมิในนครซิดนีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่าน ไปแตะสูงสุดอยู่ที่ 47.3 องศาเซลเซียส ร้อนที่สุดนับตั้งแต่ ปี 2482 หรือ 79 ปี ซึ่งอุณหภูมิในปีดังกล่าว สูงกว่าเล็กน้อย คือ 47.8 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ ยังมีเกิดไฟ่าอีกกว่า 50 จุด ขณะที่เทศบาลเมืองซิดนีย์ ยังคงประกาศห้ามการจุดไฟนอกเคหะสถานอย่างเด็ดขาด เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดไฟไหม้ในที่สาธารณะ และได้มีการออกประกาศเตือนการเกิดอัคคีภัยเป็นกรณีพิเศษ ในเขตเมืองซิดนีย์ #SydneyHeat UPDATE: #Penrith has now reached 47.3 degrees at 3:25pm according to the preliminary live data from the weather station there. — Bureau of Meteorology, New South Wales (@BOM_NSW) January 7, 2018 #SydneyHeat: Sorry, in our earlier checks we missed a 47.8 degrees C temperature recorded at an old #Richmond station (now closed) in 1939. 47.3 today still beats the previous #Penrith record. — Bureau of Meteorology, New South Wales (@BOM_NSW) January 7, 2018 ทั้งนี้รายงานข่าว ระบุว่า อุณหภูมิของประเทศออสเตรเลียได้สูงขึ้น 1 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่ปี 2453 เป็นต้นมา สาเหตุจากปรากฎการณ์โลกร้อน อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง กต.เตือนคนไทยในนิวยอร์ก หลังสหรัฐฯ เจอพายุหิมะถล่มหนัก