เห็นชื่อป้ายร้านแว่บแรก ถึงกับต้องหันควับกลับมามองอีกครั้ง ชื่อมันเตะตา ตั้งชื่อร้านได้เร้าอารมณ์มาก หากแยกคำว่า “ตำ” ออกมา คนส่วนใหญ่เข้าใจว่ามาจากคำว่าส้มตำอยู่แล้ว เป็นการอธิบายตรงๆ ว่าร้านนี้ขายอะไร ส่วนคำขยายว่า “ปากแหก” แม้จะเป็นแง่ลบ ก็พอเข้าใจได้ว่า คงเผ็ดซี้ดซ้าดมากจนปากฉีกปากแหก แม้จะดูไม่ดี แต่เหมาะกับพวกชอบรสชาติจัดจ้าน ตั้งชื่อร้านได้ดึงดูดมาก
ส่วนในมุมของการออกแบบ การใช้สีขาวเป็นสีพื้น มันไม่ค่อยเหมาะ ความรู้สึกมันดรอปลงไปทันที ไม่จี๊ดจ๊าดเหมือนชื่อ ส่วนฟอนต์ตัวอักษร ธรรมดาเกินไป แต่ก็ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อน ให้ดูเบาลง
คำว่า “หูดับ” หมายถึงอาการที่ไม่ได้ยินเสียง เกิดจากอวัยวะที่เกิดอุบัติเหตุกะทันหัน จนไม่ได้ยินเสียง แต่ร้านนี้พยายามเปรียบเปรยบอกเราว่า รสชาติของร้านเผ็ดจัด จนหูดับ เป็นชื่อที่ดูไม่ดี มีความหมายไม่ดี พยายามนึกถึงการกินปูอัด เวลาที่วาซาบิซื้ดขึ้นจมูก แต่คำว่า หูดับ คือไม่ได้ยินเสียง การนำมาตั้งชื่อร้าน อาจจะไม่ค่อยเหมาะนัก
อาหารอีสานขึ้นชื่อเรื่องของความเผ็ดร้อน คือถ้าไม่เผ็ด ถือว่าไม่อร่อย ฉะนั้นต้องแซบ แบบถึงถึงรูทวารกันเลยทีเดียว การตั้งชื่อแบบฮาร์ดคอร์แบบนี้ ในขั้นแรกนั้นดึงดูดตา แต่ถ้าไม่มีองค์ประกอบอื่น อาจทำให้แป๊กได้
ด้วยตัวฟอนต์อักษร ถือว่าใช้ได้ มีการ์ตูนภาพประกอบให้เข้าใจชัดเจน เพียงแต่คำว่า “แซบ” ไม่ต้องมีไม้เอกนะ
ร้านขายส้มตำไม่จำเป็นต้องขึ้นต้นชื่อว่าตำก็ได้ ดูตัวอย่างจากชื่อร้านนี้ เลียนเสียงคำว่า “ราบ 11” ค่ายทหารแห่งหนึ่ง บอกเล่าถึงความเหี้ยม ดุดัน ของอาหารอีสานได้ดี
“เจ๊แพร” เป็นใคร ทำไมถึงตำได้สนั่นลือลั่นทั้งปฐพี สงสัยว่าคงกล้ามใหญ่เป็นมัดๆ มีพลังมหาศาล แต่คงไม่กระแทกจนครกแตกแน่นอน คำว่า “ครกลั่นปฐพี” ตอบโจทย์อยู่แล้ว ว่าขายอะไร แม้ชื่อร้านจะยาวไปหน่อยแต่ก็ดึงดูดใจไม่น้อย