SHARE

คัดลอกแล้ว

ภาพของ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก นั่งหน้าซีดรายล้อมด้วยคณะกรรมาธิการร่วมของรัฐสภาสหรัฐ เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับการละเมิดข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานในกรณีบริษัทเคมบริดจ์ อนาลิติกา (Cambridge Analytica) ในวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา และต้องแถลงว่า “บริษัทเฟซบุ๊กทำผิดพลาดไป เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ผมทำผิด และผมขอโทษ” ถ่ายทอดสดผ่านสื่อต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เป็นภาพที่หาได้ยากยิ่งที่จะเห็นเจ้าของและผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกต้องเผชิญกับการสอบสวนต่อสาธารณะเช่นนี้ และเป็นภาพสะท้อนถึงระบบประชาธิปไตยอเมริกาที่ไม่ได้มีแค่การเลือกตั้ง แต่ยังมี “ความรับผิดชอบตรวจสอบได้ต่อหน้าผู้แทนของประชาชน” เป็นสำคัญ

กลไกการเรียกรับฟังของรัฐสภาสหรัฐอเมริกา เป็นอำนาจของรัฐสภาที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้คณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) และวุฒิสภา (Senate) มีอำนาจเรียกบุคคลมาให้การ (Testimony) ต่อหน้าคณะกรรมาธิการเพื่อสอบถาม ไต่สวน และชี้แจง ในประเด็นอันเกี่ยวข้องกับคณะกรรมาธิการนั้นเพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยในกรณีที่เป็นประเด็นสำคัญต่อสาธารณะและมีผู้สนใจมาก จะถูกถ่ายทอดสดผ่านคลื่นสัญญาณช่องโทรทัศน์ของรัฐสภา C-SPAN ซึ่งโทรทัศน์ช่องอื่นสามารถเกี่ยวสัญญาณถ่ายทอดไปได้ทันที

การเรียกบุคคลมาให้การต่อคณะกรรมาธิการ สามารถกระทำได้ในกรณีดังต่อไปนี้

  1. การรับฟังเพื่อบัญญัติกฎหมาย (Legislative Hearing): คณะกรรมาธิการอาจเรียกผู้มีส่วนได้เสีย ผู้มีผลกระทบ หรือผู้เชี่ยวชาญ มาให้การชี้แจงถึงผลดี ผลเสีย ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการออกกฎหมาย หรือกรณีเกิดการคัดค้านร่างกฎหมาย ก็สามารถเรียกมาไต่สวนเพิ่มเติมก่อนนำร่างกฎหมายไปลงมติในสภา เช่น การรับฟังความคิดเห็นของเหยื่อผู้รอดชีวิตการกราดยิงในโรงเรียนเพื่อประกอบการออกกฎหมายจำกัดการถือครองปืน
  2. การรับฟังเพื่อกำกับดูแล (Oversight Hearing): คณะกรรมาธิการอาจเรียกผู้เกี่ยวข้องในประเด็นต่างๆ ที่มีข้อพิพาทมาให้การเพื่อประกอบการกำกับดูแล และตรวจสอบว่าผู้ปฏิบัติการได้ดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ และยังเป็นการทบทวนการใช้งานกฎหมายว่าสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการร่างกฎหมายเพียงใด เช่น การรับฟังเพื่อกำหนดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
  3. การรับฟังเพื่อสอบสวน (Investigative Hearing): คณะกรรมาธิการอาจเรียกผู้เกี่ยวข้องหรือผู้รับผิดชอบของกรณีที่สงสัยว่ามีการละเมิดกฎหมายในเชิงเจตนารมณ์ โดยเฉพาะกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคลากรเอกชนที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อสาธารณชน เข้าให้ปากคำเพื่อสอบสวนการกระทำผิดที่จำเป็นต้องแก้ไขด้วยมาตรการทางกฎหมาย เช่นในกรณีของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ที่บริษัทเฟซบุ๊กอาจถูกตรากฎหมายบังคับไม่ให้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานเกินจำเป็นในอนาคต หรือย้อนกลับไปในกรณีที่บิล เกตส์ แห่งไมโครซอฟต์ ถูกบังคับไม่ให้ผูกขาดการค้าด้วยการห้ามติดตั้งโปรแกรมอินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ (Internet Explorer) ลงในวินโดวส์เป็นค่าเริ่มต้น
  4. การรับฟังเพื่อยืนยันการแต่งตั้ง (Confirmation Hearing): คณะกรรมาธิการมีอำนาจรับฟังคำให้การของผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ตั้งแต่รัฐมนตรีลงมาจนถึงผู้อำนวยการองค์กร เช่น เอฟบีไอ ซีไอเอ รวมถึงเอกอัครราชทูตที่จะไปประจำประเทศต่างๆ เพื่อทดสอบความรู้ความสามารถและวิสัยทัศน์ ว่าเหมาะสมจะรับตำแหน่งแค่ไหน โดยคณะกรรมาธิการสงวนสิทธิ์ไม่รับรองให้บุคคลเหล่านั้นดำรงตำแหน่งที่ได้รับเสนอชื่อมาก็ได้ หากเห็นว่าบุคคลนั้นขาดความรู้ความสามารถ หรือมีข้อบกพร่องร้ายแรงไม่สมควรแต่งตั้ง มิใช่ว่าประธานาธิบดีจะแต่งตั้งได้ทันทีที่กำหนดชื่อมา
  5. การรับฟังเพื่อให้สัตยาบัน (Ratification Hearing): รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกากำหนดให้คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาต้องเรียกรัฐมนตรีหรือผู้เกี่ยวข้องมาให้การ ก่อนจะลงสัตยาบันในสนธิสัญญาที่ทำกับต่างประเทศ เช่น เขตการค้าเสรี หรืออนุสัญญาด้านภาษี
  6. การรับฟังนอกสถานที่ (Field Hearing): ในกรณีจำเป็น คณะกรรมาธิการอาจออกไปรับฟังนอกสถานที่เพื่อตรวจสอบความจริง ณ พื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังคำให้การและสำรวจข้อเท็จจริงแวดล้อม ก่อนจะนำมาพิจารณาออกหรือแก้ไขกฎหมาย เช่น ในกรณีท่อแก๊สระเบิด หรือการก่อสร้างท่อส่งน้ำมัน คณะกรรมาธิการพลังงานและสิ่งแวดล้อมจำเป็นต้องสำรวจสถานที่จริงก่อนการลงมติ

การเรียกรับฟังของคณะกรรมาธิการรัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกา เป็นเครื่องมือที่แสดงถึงการยึดโยงอำนาจกับประชาชนก่อนจะกำหนดข้อบังคับและออกกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่มีการถ่ายทอดสดสู่สาธารณะ เพราะจะเป็นเครื่องชี้วัดให้เห็นว่า

  1. ไม่มีใครใหญ่กว่าผู้แทนของประชาชน – คณะกรรมาธิการมีอำนาจเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องมาให้การชี้แจง ตั้งแต่ประธานาธิบดีลงมา นายทหารทุกระดับ สมาชิกสภา หรือตุลาการ ก็อาจถูกเรียกมาให้ปากคำได้
  2. เป็นเครื่องวัดความสามารถของผู้แทนประชาชน – สมาชิกคณะกรรมาธิการที่ขึ้นสอบถามและไต่สวน เมื่อถูกถ่ายทอดสดสู่สายตาสาธารณะ ก็จะถูกชี้วัด ประเมิน และจับตาว่าได้เตรียมความพร้อม มีการศึกษาข้อมูล และถามคำถามที่ฉลาดพอหรือไม่ หากคณะกรรมาธิการแสดงความผิดพลาด หรือถามคำถามที่อ่อน ก็จะถูกสื่อมวลชนโจมตีว่าบกพร่องต่อหน้าที่และขาดความสามารถเพียงพอที่จะเป็นตัวแทนประชาชน ส่งผลต่อการเลือกตั้งในสมัยถัดไป
  3. ประชาชนต้องได้รับคำตอบในประเด็นสงสัยที่สำคัญ – ผู้ถูกคณะกรรมาธิการของสภาเรียกมาให้การจำเป็นต้องตอบคำถาม เว้นเสียแต่ว่าคำถามนั้นจะละเมิดกฎหมายที่กำหนด

ในประเทศไทย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้มีคณะกรรมาธิการของรัฐสภาเพื่อพิจารณากฎหมายและสอบสวนประเด็นต่างๆ มีอำนาจเรียกบุคคลและเอกสารมาให้การเช่นกัน แต่ในความจริงการบังคับใช้ยังไม่เต็มที่ เนื่องจากผู้เป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการบางส่วนยังขาดความรู้ความสามารถในประเด็นที่ตนดำรงตำแหน่ง รวมถึง ไม่มีการถ่ายทอดให้ประชาชนได้รับรู้รับฟังในประเด็นที่สำคัญต่อสาธารณะ

แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะถูกโจมตีว่าละเมิดความเป็นส่วนตัว เก็บข้อมูลของประชาชน หรือลิดรอนสิทธิเสรีภาพ แต่เมื่อเปรียบเทียบกันกับชาติอื่นแล้ว ระบบประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกา ยังธำรงไว้ซึ่งกลไกการถ่วงดุลอำนาจ การตรวจสอบและคัดค้าน การสร้างความรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งผ่านระบบตัวแทนและต่อประชาชนโดยตรง โดยมีสื่อมวลชนเป็นผู้ร่วมสื่อสารคัดกรอง

เราย่อมไม่มีทางเห็นภาพเช่นนี้ ในประเทศที่ควบคุมสื่อโดยรัฐอย่างเข้มงวด ในประเทศที่สมาชิกรัฐสภาไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และในประเทศที่คณะผู้บริหารไม่ว่าทั้งภาครัฐหรือเอกชน ไม่จำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อสาธารณะ เราคงไม่มีทางเห็นภาพประธานบริษัทแก๊ซพรอม อาลีบาบา หรือไป่ตู้ มาตอบคำถามและแสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณชน ถ่ายทอดสดให้ประชาชนทั้งโลกวิพากษ์วิจารณ์สดออนไลน์อย่างแน่นอน

 

บทความโดย ธีรภัทร เจริญสุข

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า