สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่าวารสารแพทย์แห่งสหราชอาณาจักรตีพิมพ์ผลสำรวจทั่วประเทศชี้ว่าชาวสหราชอาณาจักรกำลังมีเพศสัมพันธ์น้อยลงกว่าปีก่อน ๆ มา โดยจากข้อมูลประชากร 34,000 คน โดยนำข้อมูลมาจากการสำรวจความคิดทางเพศและชีวิตประจำวันแห่งชาติที่มีขึ้นในปี 2534 2544 และ 2555
ผลสำรวจเผยว่าประชากรอายุตั้งแต่ 16-44 ปีมีเพศสัมพันธ์แค่สัปดาห์ละครั้งในหนึ่งเดือน และสัดส่วนส่วนคนที่ไม่มีเพศสัมพันธ์เลยในรอบเดือนเพิ่มขึ้นจากการสำรวจในปี 2534 โดยผู้หญิงที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์คิดเป็น 29.3% จากเดิม 23% และเพศชายคิดเป็น 29.2% จากเดิม 26%
ส่วนสัดส่วนคนที่มีเซ็กส์มากกว่า 10 ครั้งในหนึ่งเดือนลดน้อยลงจาก 20.6% เหลือแค่ 3% สำหรับผู้หญิง และผู้ชายลงลงจาก 20.2% เหลือแค่ 14.4% และในกลุ่มคนอายุ 35 – 44 ปี ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ลดลงจาก 4 ครั้งเหลือแค่ 2 ครั้งในหนึ่งเดือน เช่นเดียวกันกับผู้ชายที่ลดลงจาก 4 ครั้งเหลือ 3 ครั้งในหนึ่งเดือน
ศาสตราจารย์คีย์ เวลลิงส์ นักวิจัยเชื่อว่าสาเหตุหลักมาจากภาวะเร่งรีบของยุคปัจจุบันทำให้คนมีเวลามีเพศสัมพันธ์น้อยลง โดยกล่าวว่าคนที่ได้รับผลกระทบกับเรื่องน้ีที่สุดคือวัยกลางคนที่ต้องแบ่งเวลาทำงาน เลี้ยงลูก และดูแลผู้สูงอายุ
แต่ทั้งนี้ก็ชี้ว่าการมีเพศสัมพันธ์น้อยก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป เพราะสิ่งที่สำคัญคือเราอยากมีหรือเปล่ามากกว่า