ตอนนี้คนกำลังสงสัยกันเยอะว่า สมัยนี้แล้ว เราจะหาเครื่องเล่นซีดีได้จากที่ไหน แล้วใครยังฟังเพลงจากซีดีอยู่บ้าง เพราะเพลงบนออนไลน์ YouTube, Joox, Spotify ก็มีให้ฟังเต็มไปหมด
TODAY Bizview พาไปดูว่าตอนนี้ มีหลายบริษัทเครื่องเสียงหลายแห่งที่ยังผลิตและลงเล่นในตลาดเครื่องเล่นซีดีไม่น้อยเลย ทั้งแบรนด์ Pro-Ject, Bose, Sony, YAMAHA, Marantz, Onkyo
นอกจากนี้ยังพาไปเจาะลึกต้นกำเนิด ความรุ่งเรืองและดับไปของซีดีเพลงด้วย
[ ซีดีกลับมาฮิตใหม่ ]
จากรายงาน Global Professional CD Player Market Size 2022 พบว่าผู้ผลิตในสหรัฐฯ ตอนนี้มีหลายเจ้า ตั้งแต่ TASCAM (TEAC), Denon, Marantz, Numark (inMusic), Yamaha, Pioneer, VocoPro, ADJ Products, Galaxy Audio, Rolls Corporation
ตลาดเครื่องเล่นซีดีระดับมืออาชีพคาดว่าจะถึง 132.95 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 98.71 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2017
ตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เติบโตคือการใช้งานเครื่องเล่นซีดีในกลุ่มธุรกิจอย่างเช่น โบสถ์ สถาบันการศึกษา ร้านค้าปลีก ร้านอาหาร โรงแรม งานประชุม โรงยิม
ตลาดที่ขยายตัวยังสอดคล้องกับรายงานล่าสุดจาก สมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา หรือ RIAA พบว่ายอดขายแผ่นซีดี พุ่งสูงในรอบ 17 ปี
ตัวช่วยผลักดันให้ยอดขายโตคือ ศิลปินดังๆ และโควิดที่คนหันไปลงทุนกับความบันเทิงในบ้านมากขึ้น
[ ว่าด้วยต้นกำเนิดซีดี ]
มีเกร็ดความรู้ต้นกำเนิดของซีดีมาให้ฟังกันด้วย ตัวซีดีนั้นมีต้นกำเนิดจากนักประดิษฐ์อเมริกันชื่อ James Russell ในปี 1965 เขาสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยเล่นเสียง และบันทึกเสียง
หลังจากนั้นเขาสร้างเครื่องต้นแบบขึ้นมา โดยสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกของเขา มีบริษัทประมาณ 100 แห่ง เข้ามาดูงาน รวมทั้งวิศวกรของ Philips และ Sony ด้วย
คอนเซปต์ของเครื่องเล่นซีดีเริ่มลงตัวในปี 1980 เมื่อ Sony และ Philips ได้สร้างมาตรฐาน “Red Book” ซึ่งเป็นชุดเอกสารที่ระบุแผ่นดิสก์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 120 มม. ที่ความละเอียด 16 บิต/44.1kHz
เครื่องเล่นซีดีรุ่นแรกที่มีจำหน่ายในท้องตลาด คือ Sony CDP-101 ขายในปี 1982 ราคา 1000 เหรียญ ถือว่าแพงมากในสมัยนั้น
ในยุคแรกๆ ที่มีการขายซีดีเพลง มีเพลงประมาณ 20 อัลบั้ม และเริ่มจะได้รับความนิยมจากการอัลบั้ม Brothers in Arms ของ Dire Straits วงร็อกอังกฤษในตำนาน เขาได้เริ่มจุดเทรนด์การซื้อซีดีเพลง จนในปี 1988 ยอดขายซีดีก็แซงเสียงไวนิล และแซงหน้าเทปคาสเซ็ตต์ไปในปี 1991
[ สู่ยุคสตรีมมิ่ง ]
สตรีมมิ่ง ทำพฤติกรรมคนฟังเพลงเปลี่ยนไปทั้งหมด ยอดขายซีดี เทป ไวนิล น้อยลง คนหันไปซื้อเพลงดิจิทัล หรือจ่ายให้แพลตฟอร์มสตรีมิ่งเป็นรายเดือนเพื่อฟังเพลงเป็นล้านๆ เพลงในวงการดนตรี
จุดเริ่มต้นของวงการเพลงดิจิทัลเริ่มต้นในปี 2001 เมื่อ สตรีฟ จอบส์ เปิดตัว iPod เครื่องเล่นเพลง MP 3 เมื่อจับคู่ใช้งานกับกับแอปเพลง iTunes ทำให้ iPod กลายเป็นของที่ต้องมี มันเปลี่ยนวิธีการซื้ออัลบั้มของคนฟังเพลงไปอย่างสิ้นเชิง
ยอดขายเพลงบน iTunes แซงหน้ายอดขายซีดีในร้านค้าหลักสองแห่งเป็นครั้งแรกในปี 2005
และในปี 2000 Pandoraวิทยุอินเทอร์เน็ต ที่สามารถจัดเรียงเพลงตามหมวดหมู่ได้ ก็เกิดขึ้น
บริการแบบออนดีมานด์รายใหญ่รายแรกอย่าง Spotify เกิดขึ้นในแปดปีต่อมา เสนอฟีเจอร์ฟังเพลงฟรี/ราคาไม่แพงให้กับทุกคนโดยไม่จำเป็นต้องทำผิดกฎหมายลิขสิทธิ์หรือจัดเก็บข้อมูลเยอะๆ
การสตรีมเพลงกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว ในปี 2014 รายได้จากการสตรีมแซงยอดขายซีดีเป็นครั้งแรก และแซงการดาวน์โหลดดิจิทัลในปี 2015
ส่วนซีดีเพลง และไวนิล กลายเป็นทางเลือกฟังเพลงของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ยังโหยหาความรู้สึกเก่าๆ เท่านั้น
ที่มา : Bolly Inside, Digital Trends Workpoint TODAY