วันที่ 23 เม.ย. นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาวันนี้ ในคดีที่ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแห่งรัฐ (คตส.) โดย คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ ฟ้องวนายทักษิณ ชินวัตร กรณีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) อนุมัติเงินกู้สินเชื่อจำนวน 4,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลสหภาพพม่า โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน เพื่อนำเงินกู้ดังกล่าวไปใช้ในการซื้อสินค้าและบริการของบริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) อันเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น
ศาลมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม) ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท โดยมีคำสั่งให้จำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา
สำหรับกรณีนี้ เกิดขึ้นในปี 2546 เมื่อรัฐบาล 5 ประเทศ คือ ไทย,กัมพูชา,ลาว,เมียนมา,เวียดนาม ลงนามความร่วมมือ “ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ลุ่มน้ำอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง” โดยไทยให้รัฐบาลเพื่อนบ้านกู้เงินผ่านเอ็กซิมแบงก์ เพื่อมาใช้ซื้อสินค้าและบริการด้านสาธารณูปโภคของไทย ซึ่งกรณีเมียนมา ที่มีการซื้อบริการดาวเทียมจากไทย คือ บ.ชินแซทเอร์ไลท์ ได้นำเงินกู้ส่วนนี้มาชำระเงิน
ต่อมา คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร 2549 ได้สั่งอายัดทรัพย์สินของนายทักษิณ ชินวัตร มีข้อกล่าวหาเรื่องการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์บริษัทในเครือ โดยมีข้อกล่าวหาเรื่องการสั่งให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เมียนมาซื้อดาวเทียมรวมอยู่ด้วย
ทั้งนี้คดีนี้เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ที่ให้ศาลสามารถพิพากษาคดีโดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลยได้
https://www.facebook.com/swangkarn.somchai/posts/10213805339583742