หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังเข้าตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างภายในเกาะจิกรีสอร์ท อ.ขลุง จ.จันทบุรี หลังจากการเผยแพร่ข้อมูลโฆษณาในโซเชียลมีเดีย พบว่ามีการสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ทางจังหวัดสั่งให้รื้อถอนภายใน 90วัน และปิดกิจการทันที
ความสวยงาม ใกล้ชิดธรรมชาติ ของห้องพักในเกาะจิกรีสอร์ท ถูกเผยแพร่ในเพจ และเว็บไซต์ท่องเที่ยวต่าง ๆ ห้องพักกลางน้ำ วิวจากระเบียงยื่นออกมาเห็นทะเลได้ชัดเจน เป็นคำบรรยายความน่าสนใจของรีสอร์ทแห่งนี้ ที่หลาย ๆ คนขนานนามให้เห็น “มัลดีฟเมืองไทย” ภาพความสวยงาม โดยเฉพาะภาพมุมสูง แสดงให้เห็นทำเลที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้าง ถูกตั้งข้อสังเกตว่า รุกล้ำทะเลหรือไม่ จนนำมาสู่การตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 7 พ.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพงษ์พัฒน์ วงษ์ตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (จ.ระยอง) เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 19 เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดจันทบุรี ร่วมกันเข้ารังวัดอาคารที่พักภายในรีสอร์ท ซึ่งพบว่ามีทั้งอาคารที่สร้างยื่นออกไปในทะเล 9 หลัง และตัวอาคารที่อยู่บนพื้นที่ดิน 5 หลัง รวมพื้นที่ 97 ตารางวา
“รีสอร์ทตรงนี้ เท่าที่ถามคุณเฉลิมพล เขาบอกเพิ่งสร้างได้ 2-3 ปีเอง ส่วนที่สร้างมากว่า 20 ปี เป็นอาคารบ้านพักที่อยู่ในโฉนด ส่วนที่ล้ำออกมาตรวจสอบแล้วมีบางส่วนเท่านั้นเอง” พงษ์พัฒน์ วงษ์ตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี
จากการเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่พบผู้ดูแลรีสอร์ท และคนงานอีก 2 คน สอบถามทราบว่าเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนผู้ดูแล ทราบชื่อคือนายเฉลิมพล แซ่แต้ อายุ 28 ปี เขาอ้างว่า เช่ารีสอร์ท ต่อมาจากนายณรงค์ หงบิน ราคาปีละ 50,000 บาท
โดยเปิดรับจองจากนักท่องเที่ยว ที่ติดต่อผ่านทางเพจ เฟซบุ๊กของรีสอร์ท เขาระบุด้วยว่า ภาพถ่ายที่ถูกแชร์ออกไป เป็นภาพจากนักท่องเที่ยวที่มาเข้าพัก จนทำให้มีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวถึง
ที่ผ่านมา ก่อนจะปลูกสร้างอาคาร รวมทั้งสะพาน ดำเนินการแจ้งกับหน่วยงานในพื้นที่ แต่ไม่ทราบว่าพื้นที่ทั้งหมดเป็นของป่าไม้ หรือมีเอกสารสิทธิ์ไปถึงจุดใดบ้าง
นายเฉลิมพล ยังบอกด้วยว่า หลังจากเกิดข้อร้องเรียน ก็พร้อมรับความเสียหาย จากการรื้อถอน และการยกเลิกยอดจอง จากนักท่องเที่ยวทั้งหมด ที่มีถึงต้นปีหน้า พร้อมกับยืนยันว่า จะรื้อถอนให้เรียบร้อยภายใน 90 วัน
การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่ดิน จังหวัดจันทบุรี พบอาคารที่สร้างล้ำเข้าไปในทะเลทั้ง 9 หลัง เนื้อที่ 1 ไร่ 83 ตารางวา และ อาคารอีก 5 หลัง ที่สร้างบนฝั่ง เนื้อที่ 1ไร่ 86 ตารางวา รวมเนื้อที่ที่บุกรุก 3 ไร่ 96 ตารางวา ไม่มีโฉนดที่ดิน คืออยู่นอกแนวเขตโฉนด ไม่มีเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมายที่ดิน จึงเป็นพื้นที่ป่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484
สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาจันทบุรี จึงแจ้งผลการพิจารณา การปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำ ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ที่ 32/2560 และคำสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ำลำแม่น้ำ มีความผิดเข้าข่ายตามมาตรา 54 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484