เพิ่งมีข่าวออกมาว่า ในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือนมีนาคมที่กำลังจะถึงนี้ จะมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี จากเดิมที่เคยกำหนดว่าห้ามดำรงตำแหน่งเกิน 2 วาระ (วาระละ 5 ปี) เปลี่ยนเป็นไม่มีกำหนด จึงเป็นสัญญาณชี้ชัดว่า สีจิ้นผิงต้องการครองอำนาจต่อเนื่องยาวนาน มีคนถามผมว่า ตอนนี้เราพอทราบไหมว่าใครอาจจะเป็นทายาททางการเมืองของสีจิ้นผิงในอนาคต หรือมีแนวโน้มจะเป็นผู้นำรุ่นใหม่ที่น่าจะมีบทบาทมากขึ้น แม้สีจิ้นผิงจะยังครองอำนาจสูงสุดต่อไป? เวลาดูว่าใครใหญ่ในพรรคคอมมิวนิสต์จีน จะดูที่รายชื่อกรรมการ 2 ชุด คือ กรรมการสูงสุด 7 คน และกรรมการกรมการเมือง 25 คน (กรรมการสูงสุด 7 คน จะเป็นกรรมการกรมการเมืองโดยตำแหน่งด้วย) ในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งมีการแต่งตั้งกรรมการสูงสุด 7 คน ชุดใหม่ ปรากฏว่าไม่มีการตั้งทายาททางการเมืองของสีจิ้นผิงอย่างเป็นทางการ เพราะในบรรดากรรมการสูงสุดที่ตั้งใหม่ ล้วนเป็นคนในวัยใกล้เคียงกัน แต่ถ้าหากดูในรายชื่อกรรมการกรมการเมือง 25 คน จะพบว่ามีดาวรุ่งรุ่นใหม่อยู่ 3 คน นั่นคือมีกรรมการ 3 คน ที่เกิดหลังปี ค.ศ. 1960 และมีอายุน้อยกว่าคนอื่นๆ อย่างชัดเจน ทั้งสามคนนี้ ได้แก่ หูชุนหัว (เกิดปี ค.ศ. 1963; อายุ 55 ปี) ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลกว่างตง ซึ่งเป็นมณฑลเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน เฉินหมิ่นเอ๋อ (เกิดปี ค.ศ. 1960; อายุ 58 ปี) ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมหานครฉงชิ่ง ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญของจีน ติงเสว่เสียง (เกิดปี ค.ศ. 1962; อายุ 56 ปี) หัวหน้าสำนักงานเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ (เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์คือ ตำแหน่งผู้นำสูงสุดของพรรค ซึ่งก็คือ สีจิ้นผิง นั่นเอง) ในแวดวงการเมืองจีนมักมองว่า หูชุนหัวเป็นเด็กปั้นของอดีตประธานาธิบดีหูจินเทา และได้รับเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็วในสมัยที่ประธานาธิบดีหูจินเทาครองอำนาจ ขณะที่เฉินหมินเอ๋อและติงเสว่เสียงนั้นเป็นเด็กปั้นของสีจิ้นผิง เฉินหมินเอ๋อเคยทำงานใกล้ชิดกับสีจิ้นผิงในสมัยที่สีจิ้นผิงเป็นผู้บริหารมณฑลเจ๋อเจียง ขณะที่ติงเสว่เสียงเป็นหัวหน้าสำนักเลขาฯ ของสีจิ้นผิง จีนกำลังจะมีการประชุมใหญ่ประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติในเดือนหน้า ซึ่งจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับทิศทางการเมืองจีน หลายฝ่ายคาดว่าทายาททางการเมืองรุ่นใหม่ 3 คน จะได้รับตำแหน่งบริหารที่สำคัญในส่วนกลาง จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าใครจะได้ตำแหน่งไหน เพราะจะทำให้พอทราบว่า ใครกำลังจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของจริง นอกจากนั้น ในการประชุมใหญ่สภาประชาชนในครั้งนี้ ยังจะมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเปิดทางให้สีจิ้นผิงสามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้เกิน 2 วาระ ดังนั้นจึงชัดเจนว่าสีจิ้นผิงยังต้องการครองอำนาจสูงสุดต่อไปเรื่อยๆ ส่วนทายาททางการเมืองรุ่นใหม่ก็คงต้องรอไปก่อน บทความโดย อาร์ม ตั้งนิรันดร