Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เปิดประวัติ ‘เจ้าสัววิชัย’ มหาเศรษฐีแสนล้าน เจ้าของคิงเพาเวอร์-สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ หลังมีข่าวช็อกเฮลิคอปเตอร์ตก ใกล้สนามฟุตบอลคิงเพาเวอร์สเตเดียม ในเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

วันที่ 28 ต.ค. 2561 เหตุการณ์สุดช็อก เฮลิคอปเตอร์ของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้  นักธุรกิจเจ้าของกิจการ คิง เพาเวอร์ ประสบอุบัติเหตุตกไฟลุกท่วม เมื่อกลางดึกของวันที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา บริเวณลานจอดรถใกล้สนามฟุตบอลคิงเพาเวอร์สเตเดียม ในเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ นับเป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้กับวงการธุรกิจไทยและวงการกีฬาฟุตบอลทั่วโลก

สำหรับประวัติ นายวิชัย ศรวัฒนประภา (สกุลเดิม รักศรีอักษร) หรือ เจ้าสัววิชัย เกิดวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2501 เป็นบุตรของนายวิวัฒน์ รักศรีอักษร (ชื่อเดิม ซื้อ หลี่เม้ง) กับนางประภาศร รักศรีอักษร จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาวูดลอว์น สหรัฐอเมริกา และศิลปศาสตรบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง และคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนอร์ททอร์ป สหรัฐอเมริกา ชีวิตครอบครัว สมรสกับนางเอมอร รักศรีอักษร มีบุตรทั้งหมด 4 คน เป็นชาย 2 หญิง 2

นายวิชัยมีความใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษผ่านความชื่นชอบกีฬาโปโล ในปี พ.ศ. 2548 เขากับเจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์, เจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์ และ อัลดองโฟ แคมเปียโซ (มือหนึ่งโปโลชาวอาร์เจนตินา) จัดทีมออกแข่งขันในรายการ จักรวรรดิคัพ ระหว่างทีมประเทศไทยกับทีมดูไบ ที่ริชมอนด์ในลอนดอน

ด้านการทำงาน ปัจจุบัน ‘เจ้าสัววิชัย’ เป็นประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และมีสถานะทางสังคมเป็น นายกสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย และประธานสโมสรฯ เลสเตอร์ ซิตี้ โดยเข้าไปซื้อกิจการในปี พ.ศ. 2553 ซึ่งช่วงแรกถือหุ้น 51% ก่อนที่ในปีเดียวกันได้เข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 100% มูลค่าการซื้อขายทั้งหมดอยู่ที่ราว 40 ล้านปอนด์ และในปี พ.ศ. 2554 ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสโมสรฯ อย่างเต็มตัว

จากข้อมูลการจัดอันดับของ นิตยสารฟอร์บส์ ระบุว่า ในปี 2561 นายวิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สิน 1.62 แสนล้านบาท และจัดว่าเป็นมหาเศรษฐีไทยคนที่ 2 ที่เข้าไปครอบครองสโมสรฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร ไปซื้อทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2550 ก่อนเทขายหุ้นให้นักธุรกิจชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตในปีต่อมา

สำหรับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ.1884 ชื่อแรกของทีมตั้งตามชื่อถนนและเมือง คือ เลสเตอร์ ฟอสส์ และเปลี่ยนมาเป็น เลสเตอร์ ซิตี้ในปี 1919 เมื่อมีผู้บริหารรายใหม่มาซื้อทีม

ปี 1948 สโมสรเริ่มใช้เสื้อมีหัวจิ้งจอกเป็นสัญญลักษณ์ แต่เพิ่งเริ่มใช้สมญาว่าจิ้งจอกในช่วงทศวรรษที่ 1980 โดยก่อนหน้านี้ สโมสรไม่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษมาก่อน แต่ได้แชมป์ลีกอันดับสองหลายครั้ง รวมทั้งเข้ารอบสุดท้ายเอฟเอคัพ 4 ครั้งด้วยกัน

ปี 2002 เลสเตอร์ย้ายจากสนามเดิมที่ถนนฟิลเบอร์ สตรีทที่อยู่มาตั้งแต่ ปี 1891 มาอยู่ที่วอล์กเกอร์ สเตเดียม และในปีนี้เองที่สโมสรได้เข้าไปแข่งในพรีเมียร์ลีกเป็นฤดูกาลแรก เมื่อนายวิชัยและลูกชาย เข้าไปบริหารงานอย่างเต็มตัว จากนั้นได้เปลี่ยนชื่อสนามเป็น คิง เพาเวอร์ สเตเดียม จนถึงปัจจุบัน

เว็บไซต์ Leicester mercury ซึ่งเป็นสื่อหนี่งในเมืองเลสเตอร์ระบุเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่ามูลค่าทางธุรกิจของเลสเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล หลังจากที่เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015 – 2016 รวมทั้งจากการอัดฉีดเงินลงทุนของนายวิชัย ประเมินมูลค่าของสโมสรฟุตบอลในยุโรปล่าสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้(KPMG Football Clubs’ Valuation report) พบว่าจิ้งจอกสยามมีมูลค่าอยู่ในอันดับ 15 ของการจัดอันดับสโมสรที่มีมูลค่าสูงสุดและเป็นอันดับ 7 ในอังกฤษ โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 523 ล้านปอนด์ หรือมากกว่าสองหมื่นล้านบาทซึ่งเพิ่มขึ้นจากฤดูกาลที่แล้วถึง 35%

ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย, BBC

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า