เกิดเหตุไฟไหม้วิลล่าไม้เจ้าของชาวฝรั่งเศส บนเกาะสมุย เสียหายทั้งหลังมูลค่ากว่า 3 ล้านบาทพบชายชาวต่างชาติผู้ได้รับบาดเจ็บมีแผลพุพอง 1 ราย โชคดีจนท.สกัดเพลิงได้ทัน ไม่ลุกลามไปโรงแรมใกล้เคียง เช้าวันนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพร้อมพนักงานสอบสวนเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุ
เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 8 พ.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิทยุสื่อสาร สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยวัดปลายแหลมว่ามีเหตุเพลิงไหม้ภายในโรงแรมชื่อ เอราวัณ วิลล่า โฮเทล พื้นที่บ้านบางรักษ์ ถนนสายบางรักษ์-บ้านปลายแหลม ม.4 ต.บ่อผุด ขอให้ช่วยประสานรถดับเพลิงเทศบาลนครเกาะสมุย และรถดับเพลิงสนามบินสมุย ช่วยสนับสนุนที่เกิดเหตุ เพราะเพลิงกำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า ต้นเพลิงเป็นวิลล่า 2 ชั้น ที่ทำจากไม้ทั้งหลังจึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เพลิงกำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง อีกทั้งยังมีลมกระโชกแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดกั้นการจราจรด้านหน้าโรงแรมและให้รถยนต์ไปใช้เส้นทางลัดบ้านบางรักษ์-ซอยบ่อนไก่ พร้อมกั้นบรรดาชาวบ้าน นักท่องเที่ยว ที่มามุงดูที่เกิดเหตุให้ออกห่างจากที่เกิดเหตุ และเปิดทางรถดับเพลิงเทศบาลนครเกาะสมุย รถดับเพลิงสนามบินสมุยเฉวง และรถดับเพลิงกู้ภัยวัดปลายแหลม จำนวน 8 คัน เข้าดับเพลิงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ ได้โดยไม่ลุกลามไปโรงแรมใกล้เคียงแต่เพลิงได้ทำให้วิลล่า2 ชั้นถูกเพลิงไหม้วอดทั้งหลัง มูลค่าความเสียหายประมาณ 3 ล้านบาท
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไม่พบผู้เสียชีวิต แต่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายเป็นชายชาวต่างชาติ มีบาดแผลพุพองตามลำตัวเล็กน้อยไม่ประสงค์ไปโรงพยาบาล และช่วงเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ในวิลล่าหลังนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้กั้นที่เกิดเหตุไว้ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป
ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร และในวันนี้ (9 พ.ย.) เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนจะเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บรวบพยานหลักฐานหาสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้ พร้อมเรียกนายฟิลิปป์ เจ้าของชาวฝรั่งเศส มาสอบปากคำด้วยเช่นกัน
ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ช่วงก่อนไฟไหม้ได้มีฝนตกหนักลงมาและได้ยินเสียงฟ้าผ่ามา 1 ครั้ง ต่อมาฝนได้หยุดตก สักพักก็เห็นกลุ่มควันลอยขึ้นมาและมีเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นมาอย่างรุนแรง ในช่วงเวลานั้นลมพัดแรงจึงทำให้เพลิงรุกไหม้อย่างรวดเร็ว