กรมอุตุนิยมวิทยา เผย พายุปาบึกเข้าไทย 3-5 ม.ค. คาดหนักสุดวันที่ 4 ม.ค.

วันนี้ (2 ธ.ค.62) นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แถลงสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก PABUK ที่คาดว่าจะพัดเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค. นี้
โดยขณะนี้พายุ ปาบึก อยู่ที่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 6.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.0 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวน และเคลื่อนลงอ่าวไทย

นายภูเวียง ระบุว่า คืนนี้ (2 ม.ค.62) เวลาประมาณ 19.00 น. พายุปาบึกจะเริ่มพัดเข้าสู่อ่าวไทย ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ใกล้เคียงมีฝนตกไปจนถึงวันที่ 5 ม.ค.

วันที่ 3 ม.ค. พายุปาบึก จะเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ จ.สุราษฏร์ธานี ด้วยความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บริเวณเกาะสมุย จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด แต่เนื่องจากพายุจะตีวนรอบหมุนผ่านพื้นที่เกาะ สิ่งปลูกสร้าง อาจทำให้ความเร็วลมลดลง อยู่ที่ประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงขอให้ทุกคนเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

ในวันที่ 4 ม.ค. พายุปาบึกจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยเต็มตัว และน่าจะเป็นวันที่ส่งผลกระทบหนักที่สุด โดยเฉพาะที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.เพชรบุรี จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากแกนกลางของพายุ อาจจะเคลื่อนผ่านไปทางตะวันตกก่อนเข้าสู่ทะเลฝั่งอันดามัน ซึ่งทำให้ฝนตกหนักมากขึ้น

วันที่ 5 ม.ค. พายุจะเริ่มอ่อนกำลังลง ฝนตกน้อยลง และในวันนี้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบคาดว่าจะเป็นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เพชรบุรี

ส่วนกรณีที่หลายคนกังวลว่า ความรุนแรงของพายุโซนร้อนปาบึก จะรุนแรงเหมือน พายุไต้ฝุ่นเกย์ ที่พัดเข้าสู่ไทยเมื่อปี 2532 หรือไม่ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยันว่า พายุปาบึก ไม่รุนแรงเท่าพายุเกย์แน่นอน เนื่องจาก 2 ปัจจัยที่แตกต่างกัน คือ
1. ความเร็วลม พายุโซนร้อนปาบึก ความเร็วลมอยู่ที่ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่พายุไต้ฝุ่นเกย์ ความเร็วลมอยู่ที่ 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เท่ากับพายุปาบึกมีความเร็วลมอยู่เพียงแค่ 1 ใน 2 ของพายุเกย์เท่านั้น
2. พายุไต้ฝุ่นเกย์ มีลักษณะนิ่งอยู่กับที่ จึงสร้างผลกระทบและความเสียหายจำนวนมาก แต่พายุปาบึกเป็นพายุที่เคลื่อนตัว ดังนั้นผลกระทบจึงน้อยกว่า

ภาพรวมผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเป็นรายจังหวัด ในแต่ละวัน มีดังนี้
วันที่ 3-4 ม.ค. จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กับมีลมแรงบริเวณ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.ยะลา จ.นราธิวาส จ.กระบี่ จ.ตรัง และจ.สตูล
วันที่ 4-5 ม.ค. บริเวณภาคใต้จะมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างและจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งกับมีลมแรงบริเวณ จ.เพชรบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.ยะลา จ.นราธิวาส จ.ระนอง จ.พังงา จ.ภูเก็ต จ.กระบี่ จ.ตรัง และ จ.สตูล

คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากลมแรงและคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือบริเวณ เรือทุกชนิดควรงดออกจากฝั่งตั้งแต่วันนี้ ถึง 5 ม.ค.