SHARE

คัดลอกแล้ว

จากกรณีความพยายามของพรรคการเมืองในการจับขั้วตั้งรัฐบาลโดยต่างฝ่ายต่างพยายามรวมเสียงให้เกิน 250 เสียง ซึ่งเป็นกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ไว้เป็นเบื้องต้น

แม้จะยังห่างจากเกณฑ์ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ต้องใช้เสียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา 376 เสียง ที่เกิดจาก ส.ส. 500 เสียง รวมกับ ส.ว. 250 เสียง (ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ) แต่การที่ฝ่ายใดได้เสียงในสภาผู้แทนราษฎรสนับสนุนเกิน 250 เสียงจะเป็นเงื่อนไขสำคัญสำหรับการทำงานของรัฐบาลต่อไป จึงมีการคาดการณ์กันว่า อาจจะมีความพยายามดึงเสียงจากทั้ง 2 ฝ่ายในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม การโหวตเลือกนายกฯ กติกากำหนดให้ทำโดยเปิดเผย รู้ว่า ส.ส.และ ส.ว.คนไหนลงคะแนนให้ใคร

สำหรับขั้นตอนการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี ข้อบังคับ การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2560 กำหนดไว้ใน หมวด 5 การพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี

 

เริ่มจาก 1.ผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อให้ ส.ส.โหวตจะต้องมีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 คือ มาจากพรรคการเมืองที่มี ส.ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของสมาชิกที่มีอยู่ (25 คน หากมี ส.ส.เต็มสภา 500 คน) นั่นเท่ากับว่า ขณะนี้เหลือตัวเลือกในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพียง 7 คน ที่มาจากพรรคที่ได้ ส.ส.อย่างน้อย  25 คน คือ

จากแคนดิเดตทั้งหมด เหลือผ่านคุณสมบัติ 7 คน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (เพื่อไทย) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ (เพื่อไทย) นายชัยเกษม นิติสิริ (เพื่อไทย) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (พลังประชารัฐ) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (อนาคตใหม่) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ประชาธิปัตย์) และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล (ภูมิใจไทย)

2. การเสนอชื่อผู้ใดเข้าสู่การโหวตจะต้องมีเสียง ส.ส.รับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของ ส.ส.ที่มีอยู่ (50 คน จาก 500 คน)

3. การออกเสียงลงคะแนนพิจารณาให้ความเห็นชอบให้บุคคลดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้กระทําเป็นการเปิดเผย โดยเลขาธิการจะเรียกชื่อสมาชิกตามลําดับอักษร ให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นรายบุคคล โดยการกล่าว “เห็นชอบ” “ไม่เห็นชอบ” หรือ “งดออกเสียง”

4.มติเห็นชอบต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ (376 จาก 750 คน) หากคะแนนเห็นชอบไม่มากกว่ากึ่งหนึ่ง ให้ออกเสียงลงคะแนนชื่อคนต่อไป

5.ทั้งนี้หากลงคะแนนแล้วไม่มีใครได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง ก็จะวนโหวตต่อไปจนกว่าจะมีผู้ได้คะแนนมากกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่

ข้อแตกต่างของรัฐธรรมนูญฉบับนี้กับฉบับปี 2550 คือ ฉบับปัจจุบันไม่กำหนดเวลาในการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้ ขณะที่ฉบับปี 2550 กำหนดเวลาไว้ 30 วัน หากพ้น 30 วัน ยังไม่มีใครได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งให้ผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็นนายกรัฐมนตรี และที่สำคัญรัฐธรรมนูญฉบับเดิมผู้โหวตเลือกนายกฯ คือ ส.ส. เท่านั้น ไม่มี ส.ว. 250 คน มาร่วมโหวตด้วยเหมือนในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้อยู่นี้

คำถามเสริมคือ ระหว่างเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ยังไม่ได้และไม่มีเวลากำหนดไว้ซึ่งอาจจะกินเวลา หลายวัน หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน ใครจะบริหารประเทศ คำตอบ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.จะยังทำหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆ โดยยังมีอำนาจเต็ม และมีอำนาจมาตรา 44 จนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า