SHARE

คัดลอกแล้ว

https://youtube.com/watch?v=AB3LgVhZOv8

รูปแบบของบริษัทแทนคุณแผ่นดินสยาม เป็นลักษณะของการขายตรง ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลจากทางบริษัทเองถึงแผนธุรกิจ ซึ่งก็เหมือนกับที่ตอนนี้หลายคนคงพอจะคุ้นชินแล้ว เพราะเป็นข่าวบ่อยๆ สำหรับเรื่องขายตรงกับแชร์ลูกโซ่

แผนธุรกิจของบริษัทแทนคุณแผ่นดินสยาม มีลักษณะเป็นนี้ คือ
สมาชิก 1 คน หาสมาชิกมา 2 คน แบ่งเป็นขาซ้าย-ขวา
สมาชิกซ้าย-ขวา ก็หาสมาชิกมาต่อ
การจะเข้าเป็นสมาชิกจะมีการจ่ายค่าสมัคร
สมาชิกจะมีการซื้อสินค้า เงินจากค่าสมัครและค่าซื้อสินค้า จะวิ่งขึ้นข้างบน

รูปแบบเดิมๆ คนที่อยู่ข้างบนก็จะรวยกว่าคนอื่น เพราะเงินข้างล่างวิ่งขึ้นหมด ยิ่งข้างล่างเยอะก็ยิ่งได้เยอะ เพราะฉะนั้น แต่ละคนก็ต้องพยายามสร้างฐานข้างล่างลงไปเยอะๆเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นฐาน เพราะฐานจะไม่ได้เงิน ฐานเป็นตัวสร้างเงินให้ข้างบน

จริงๆ แล้วการขายตรง ไม่ผิดกฎหมาย ที่ผิดกฎหมายคือแชร์ลูกโซ่ การขายตรงจะมีสินค้าจริง มีการค้าขายมีกำไรจริง แล้วก็แบ่งกันตามชั้นปิรามิด แต่ว่าแชร์ลูกโซ่จะมีแต่ปิรามิด ไม่มีสินค้า หรือมีก็แค่หุ่นกระบอก คือ ไม่ใช่เป้าหมายของธุรกิจเป็นแค่ตัวหลอก ทั้งปิรามิดมีแต่การระดมทุน คือเก็บแต่เงินค่าสมัครค่านู่นค่านี่ เก็บจากข้างล่าง กระจายขึ้นข้างบน ใครที่อยากได้เงินเยอะๆ ก็ต้องหาฐานของตัวเอง หาคนมาจ่ายเงินค่าสมัคร แต่ไม่มีการซื้อขายสินค้าอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน มันคือการเอาเงินคนใหม่จ่ายคนเก่า วันที่พีระมิดพัง หรือฐานถึงทางตัน คือ เฟืองฝืด ก็จะกลายเป็นข่าวให้อ่านกันว่า ลงทุนแล้วไม่ได้กำไรอย่างที่ตกลง สูญเงินลงทุน และเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้อง ซึ่งทุกเคสก็เพราะ ปิรามิดพัง คือไม่มีคนหน้าใหม่มาเข้าปิรามิด ก็ไม่มีเงินใหม่มาจ่ายคนเก่า

กรณีของ บริษัทแทนคุณแผ่นดินสยาม นอกเหนือจากการหาเครือข่ายแล้ว ซึ่งปิรามิดของบริษัทนี้ สามารถทำรายได้จากเครือข่ายได้สูงสุดถึงเดือนละ 2 ล้านบาท จากการหาฐานปิรามิดเพิ่ม ตามที่มีการเผยแพร่ แต่บริษัทนี้ยังมีเงินที่จะได้จากรูปแบบอื่นๆด้วย คือ เงินประจำตำแหน่งได้ทุกเดือน ระดับ ไข่มุก ไพลิน ทับทิม เพชร ดับเบิ้ลเพชร สูงสุดเดือนละ 4 แสนบาท เงินขึ้นตำแหน่ง ได้ครั้งเดียว สูงสุด 1,000,000 บาท

รวมถึงรายได้ส่วนแบ่งจากทั่วประเทศ คือจากปิรามิดอื่นๆ มารวมกัน แถมด้วยเที่ยวต่างประเทศปีละ 3 ครั้งฟรี ไอแพด 1 เครื่อง

การต่อสู้ในชั้นศาลของยิ่งยง คือ ให้การกับศาลว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรบริษัท เป็นเพียงแค่พรีเซ็นเตอร์เท่านั้น เบื้องต้นศาลไม่เชื่อ จึงตัดสินว่ามีความผิดด้วย เพราะมีข้อมูลว่า จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2554 และในช่วงปี 2555 ยิ่งยง ยอดบัวงาม ซึ่ง ณ ตอนนั้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ เผยว่า ตนถือหุ้นอยู่มากถึง 50 %

รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 18 พ.ย. 2556

 

วันที่ 16 กรกฎาคม 2557 จดทะเบียนเลิกบริษัท ซึ่งนายทะเบียนได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว

ในส่วนของรายละเอียดคำพิพากษาคดี ยังไม่มีการเปิดเผย ตอนนี้คือทราบว่า “ยิ่งยง” ถูกตัดสินฐานความผิด “ฉ้อโกง” เพราะฉะนั้นจะว่าบริษัทเป็นขายตรงแล้วขาดทุน หรือเป็นแชร์ลูกโซ่มาตั้งแต่แรก ก็ยังสรุปไม่ได้ แต่เมื่อวานสุดท้ายได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 500,000 บาท เพื่อสู้คดีต่อชั้นอุทธรณ์

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า