กรมส่งเสริมสหกรณ์สำรวจจุดรับซื้อข้าวเปลือกของสหกรณ์การเกษตรในฤดูกาลผลิตปี 2561/62 สหกรณ์ 434 แห่ง ในพื้นที่ 56 จังหวัด ชี้ข้าวหอมมะลิดีพุ่งสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา
วันที่ 23 ต.ค.2561 นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เตรียมแผนรับซื้อข้าวเปลือก ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญ มีสหกรณ์ 226 แห่ง ทยอยเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกแล้ว 25 แห่ง คาดว่าปริมาณข้าวเปลือกจะออกมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม
เริ่มเปิดจุดรับซื้อข้าวหอมมะลิ ในวันที่ 20 ต.ค.61
สำหรับราคารับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิความชื้น 25% เฉลี่ยตันละ 12,000-12,500 บาท ส่วนความชื้น 15% ตันละ 15,000-18,000 บาท เมื่อเปรียบเทียบราคารับซื้อกับโรงสีเอกชนในพื้นที่ ถือว่าสหกรณ์รับซื้อในราคาที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ตันละ 2,000-6,000 บาท สำหรับราคารับซื้อขึ้นอยู่กับคุณภาพและความชื้นของข้าวที่เกษตรกรรวบรวมและนำมาขายให้สหกรณ์
ส่วนสหกรณ์ในภาคเหนือ เน้นรับซื้อข้าวเปลือกเหนียว เปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวความชื้น 25% ที่ราคาตันละ 7,300 – 7,700 บาท ถือเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เฉลี่ยตันละ 900-1,400 บาท
ภาคกลาง รับซื้อข้าวเปลือกขาว สำหรับข้าวเปลือกความชื้น 25% ตันละ 6,700 บาท ส่วนข้าวเปลือกความชื้น 15% ตันละ 7,700 บาท เทียบกับปีที่ผ่านมา ราคารับซื้อข้าวเปลือกขาวเพิ่มสูงขึ้นตันละ 300 บาท
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ราคาข้าวเปลือกที่เพิ่มสูงขึ้นในปีนี้ คาดว่าเป็นผลมาจากพื้นที่ทำนาในหลายจังหวัดได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลร่วมสนับสนุนให้สินเชื่อรวบรวมข้าวแก่สถาบันเกษตรกรผ่าน ธ.ก.ส. วงเงินสินเชื่อ 12,500 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.61 แล้ว โดยรัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยแทนสถาบันเกษตรกร 3% กำหนดให้เกษตรกรชำระหนี้ไม่เกิน 31 ธ.ค.62 เพื่อเสริมสภาพคล่องระหว่างการรวบรวมและแปรรูป และเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตได้ราคาดี ขณะนี้มีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการดังกล่าวแล้ว 399 แห่ง วงเงินที่ขออนุมัติสินเชื่อ จำนวน 16,890 ล้านบาท