Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเด็นคือ- กรณีเจ้าอาวาสวัดสวนดอก ถูกฟ้องสวมบัตรประจำตัวคนตาย คดียังไม่คืบ ตำรวจเผยหลักฐานมีไม่เพียงพอ ด้านพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเผย พระราชรัชมุนี ผู้ถูกกล่าวหา เป็นคนเก่งมากด้านภาษาบาลี และเคยเล่าเรื่องการตกสำรวจสำมะโนครัวประชากรตั้งแต่มื่อ 20 ปีก่อน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ต.ค. 60) ความคืบหน้ากรณีที่พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก และเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ถูกกล่าวหาว่าสวมบัตรประจำตัวประชาชนคนตายนั้น พ.ต.อ.ก่ำแก้ว สุยาติ ผกก.สภ.แม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้คดียังมีความคืบหน้าไปไม่มากนัก อย่างไรก็ตามเบื้องต้นได้สอบปากคำพยานสำคัญ แต่หลักฐานที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอจะออกหมายเรียกเจ้าอาวาสวัดสวนดอกได้ ซึ่งกำลังรอหลักฐานจากทาง จ.ชัยภูมิ โดยต้องใช้เวลารวบรวมพอสมควร เพราะเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 22 ปีก่อน ทั้งนี้ไม่อยากให้ทุกฝ่ายกังวลใจใดๆ และยืนยันว่าตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายอย่างแน่นอน

ขณะที่พระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ที่มีตำแหน่งระดับเจ้าอาวาส แสดงความเห็นกรณีที่พระราชรัชมุนีถูกกล่าวหาว่าสวมบัตรประจำตัวประชาชนคนตายว่า โดยส่วนตัวรู้จักสนิทสนมกับพระราชรัชมุนีพอสมควร เนื่องจากเคยศึกษาเล่าเรียนมาด้วยกันตั้งแต่เป็นพระหนุ่มแล้ว ซึ่งเท่าที่รู้จัก พระราชรัชมุนีเป็นคนที่เก่งมากในการศึกษาด้านภาษาบาลี และนิสัยส่วนตัวถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง

ส่วนเรื่องบัตรประชาชนนั้น จากข้อมูลเท่าที่เคยได้จากท่านทราบว่า พ่อแม่และครอบครัวของท่านเป็นคนไทย แต่ตกสำรวจ ซึ่งต่อมาพี่น้องทั้งหมดของท่านได้รับการพิสูจน์สัญชาติจนได้รับบัตรประชาชนไทยทุกคนตั้งแต่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ยกเว้นท่านที่ในเวลานั้นบวชเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ และไม่ได้สนใจเรื่องนี้เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น

ขณะที่บัตรประชาชนที่เป็นเลขประจำตัวประชาชนของคนที่ตายไปแล้วนั้น เข้าใจว่าท่านไม่ได้เป็นคนทำเอง แต่น่าจะเป็นญาติโยมที่ดำเนินการให้ตั้งแต่อยู่ที่กรุงเทพฯ แล้ว

สำหรับการที่พระราชรัชมุนีถูกกล่าวหาและแจ้งความดำเนินคดีสวมบัตรประชาชนคนตายนั้น พระผู้ใหญ่ท่านเดียวกันนี้ ระบุว่า แม้ว่าท่านจะถูกกล่าวหาและมีการแจ้งความดำเนินคดี แต่ไม่ได้ทำให้พระราชรัชมุนีสิ้นสุดความเป็นพระสงฆ์แต่อย่างใด เพราะเป็นข้อกล่าวหาและเป็นความผิดทางโลก ไม่ใช่การทำผิดพระธรรมวินัย รวมทั้งยังไม่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและพิจารณาตัดสินเป็นที่สิ้นสุดเพื่อลงโทษตามกฎหมายด้วย

ทั้งนี้ที่ผ่านมาเหตุผลที่ทางคณะสงฆ์ยังไม่มีการดำเนินการพิจารณาใดๆ เกี่ยวกับกรณีนี้ เพราะว่าทางหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้ตัดสินว่า พระราชรัชมุนีมีความผิดตามกฎหมาย จึงไม่เป็นเหตุให้นำเรื่องขึ้นมาพิจารณาดำเนินการในส่วนของคณะสงฆ์ได้ อย่างไรก็ตามหากมีการตัดสินตามกระบวนการกฎหมายแล้วว่า พระราชรัชมุนีกระทำผิดกฎหมายจริงเมื่อใด และมีโทษทางอาญาให้ต้องจำคุกหรือรอลงอาญา เมื่อนั้นทางคณะสงฆ์จะต้องมีการพิจารณาดำเนินการอย่างแน่นอน ซึ่งหากต้องโทษจำคุก ย่อมสิ้นสุดสถานภาพความเป็นพระสงฆ์ไปเองโดยปริยาย

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า