SHARE

คัดลอกแล้ว

คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันวาง 4 มุ่งสู่เศรษฐกิจที่เน้นการสร้างมูลค่าและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลิตภาพการผลิตบนพื้นฐานของการพัฒนาและใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์  และอัตลักษณ์ความเป็นไทย

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน เปิดเผยในงานแถลงข่าว ณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านต่างๆ รวม 6 คณะด้วยกัน ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2560

สำหรับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน มีหน้าที่จัดทำยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการแข่งขันที่จะบรรลุวิสัยทัศน์ด้านความ “มั่งคั่ง” ภายใต้วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”

โดยวางเป้าหมายด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันออกมาได้ 4 เป้าหมาย ได้แก่ เป้าหมายที่ 1 ไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีรายได้ต่อหัวมากกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคนต่อปี ภายใน 20 ปี ซึ่งในปี 2559 ประเทศไทยมีรายได้ต่อหัวประมาณ 6,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคนต่อปี โดยปัจจุบันธนาคารโลกได้กำหนดว่าประเทศที่พัฒนาแล้วคือประเทศที่มีรายได้ต่อหัวมากกว่า 12,235 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

ที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารโลกมีการปรับตัวเลขเป็นระยะมาโดยตลอด และเมื่อพิจารณาหลักเกณฑ์ดังกล่าวในช่วง 10 ปีย้อนหลัง พบว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 175 ถึง 250 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคนต่อปี เนื่องจากการปรับตัวของปัจจัยทางเศรษฐกิจของโลก

ดังนั้น การพิจารณาเกณฑ์ที่เหมาะสมในอีก 20 ปี หากพิจารณาการปรับหลักเกณฑ์เพิ่มขึ้นเฉลี่ยขั้นต่ำที่ 175 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคนต่อปี ไทยจะกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวที่ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีก 15 ปี ในขณะที่หากการปรับหลักเกณฑ์เพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 250 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคนต่อปี ไทยจะกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วเมื่อสิ้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 15 หรืออีก 20 ปีข้างหน้า โดยคำนวณจากอัตราการเติบโตของ GDP ที่ร้อยละ 5 คณะกรรมการฯ จึงตั้งเป้าที่ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคนต่อปี ภายใน 20 ปี คือ ปี 2580

โดยจะต้องทำเป้าหมายที่ 2 คือ อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ในช่วง 20 ปี ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราการขยายตัวของ GDP อยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.8 – 4.0 แม้ในสภาวะที่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมาจะถดถอยอยู่ที่ร้อยละ 3 ซึ่งการผลักดันการขยายตัวของ GDP ที่ร้อยละ 5 ประกอบด้วย การขยายตัวของปัจจัยทุน ร้อยละ 2.6 และผลิตภาพการผลิต ร้อยละ 2.5 ในขณะที่กำลังแรงงานยังคงส่งผลเชิงลบร้อยละ 0.10 และปัจจัยที่ดินไม่ส่งผลต่อการขยายตัวของ GDP เนื่องจากมีการใช้ประโยชน์และไม่สามารถขยายได้อีก จึงต้องอาศัยการขยายตัวของการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน ภาครัฐต้องสนับสนุนมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้กับภาคเอกชน และอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่หรือรายเล็ก ไปพร้อมกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของรัฐ เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น

เป้าหมายที่ 3 ผลิตภาพการผลิตรวมหรือ TFP ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 เป็นเป้าหมายที่ท้าทาย เพื่อให้สามารถเข้าสู่ประเทศพัฒนาแล้วได้เร็วขึ้น โดยในปี 2558 ไทยมีผลิตภาพการผลิตรวมอยู่ที่ร้อยละ 1.7 โดยผลิตภาพการผลิตรวมมาจากปัจจัยแรงงาน ที่ดิน ทุน และผลิตภาพการผลิต ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 ปี 2550 – 2554 ผลิตภาพการผลิตรวมอยู่ที่ร้อยละ 0.23 ขณะที่ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 ปี 2545 – 2549 ไทยเคยมีผลิตภาพการผลิตรวมอยู่ที่ร้อยละ 3.3 ซึ่งสาเหตุที่ผลิตภาพการผลิตปรับลดลงเนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกและวิกฤติน้ำท่วมในประเทศที่ทำให้การผลิตลดลงในขณะที่กำลังแรงงานในระบบคงที่ และแม้ว่าผลิตภาพการผลิตรวมจะมีปัจจัยเสี่ยงด้านแรงงานเนื่องจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งส่งผลต่อกำลังการผลิตและอุปสงค์ในประเทศ จึงต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของแรงงาน และต้องเร่งการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและใช้เทคโนโลยีขั้นก้าวหน้าหรือนวัตกรรมใหม่ในการผลิต อย่างไรก็ตาม ภาครัฐสามารถส่งเสริมการเติบโตของการลงทุนได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่หลังจากนั้นควรเป็นการขับเคลื่อนจากผลิตภาพการผลิตและเทคโนโลยี อันเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

เป้าหมายที่ 4 คือ ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 1 ใน 20 ของการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของ  International Institute for Management Development หรือ IMD ซึ่งสถาบัน IMD เป็นสถาบันจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่เน้นปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาค ทั้งนี้อันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่างๆ รวมทั้งไทยมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก แต่ละประเทศต่างเร่งพัฒนาตัวเองเพื่อรักษาอันดับของตนไว้ ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าประเทศไทยอยู่ในช่วงอันดับที่ 25 – 30 โดยมีจุดอ่อนในด้านประสิทธิภาพการผลิต โครงสร้างพื้นฐานทั่วไป โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ ด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และด้านการศึกษา

เมื่อพิจารณาประเทศใน 15 อันดับแรก พบว่า ด้านประสิทธิภาพการผลิต โครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และด้านการศึกษา เป็นจุดแข็งของประเทศเหล่านี้แต่กลับเป็นจุดอ่อนของไทย ดังนั้นการที่ไทยจะพัฒนาอยู่ในอันดับ 1 ใน 20 ได้ จึงเป็นความท้าทายอย่างมากที่จะต้องเร่งพัฒนาประเทศให้เร็วกว่าการพัฒนาของประเทศอื่น ซึ่งปี 2560 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 27 จาก 63 ประเทศ ปรับตัวดีขึ้นจากปีที่แล้ว 1 อันดับ และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นมาตั้งแต่ปี 2554

ขณะนี้กรรมการฯ อยู่ระหว่างพิจารณาในส่วนของแนวทางการพัฒนาด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันในภาคการผลิตและบริการ โดยมุ่งสู่เศรษฐกิจที่เน้นการสร้างมูลค่าและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลิตภาพการผลิตบนพื้นฐานของการพัฒนาและใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเมื่อมีความชัดเจนแล้วจะแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป และเมื่อจัดทำร่างยุทธศาสตร์แล้วเสร็จ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติจะนำไปรับฟังความเห็นเพิ่มเติมต่อไป

 

ที่มา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า