
ภาพจากทวิตเตอร์ The White Helmets
อาคารพังถล่มจากคลังอาวุธกลุ่มกบฏซีเรียระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 39 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก
เกิดเหตุระเบิดภายในคลังอาวุธของฝ่ายกบฏซีเรีย ในเมืองซาร์มาดา จังหวัดอิดลิบ ประเทศซีเรีย ใกล้กับชายแดนตุรกี ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 39 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย 12 คน
With no end to the carnage in sight, 36 dead civilians and dozens of wounded are the current count of victims of the massive explosion in #Sarmada city at dawn today. #WhiteHelmets are working tirelessly, searching and rescuing, in unbelievable areas of destruction and death. pic.twitter.com/fr1bZGq3O1
— The White Helmets (@SyriaCivilDef) 12 สิงหาคม 2561
ขณะที่มีผู้สูญหายอีกนับสิบและคาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ยังคงเพิ่มสูงขึ้น ด้าน ฮาเติม อาบู มาร์วัน หนึ่งในอาสาจากกลุ่มป้องกันภัยพลเรือนซีเรีย หรือ กลุ่มไวต์เฮลเมตส์ กล่าวว่า อาคารที่มีประชาชนอาศัยอยู่เต็มได้พังทลายลงกลายเป็นเศษหินเศษอิฐ
กลุ่มไวต์เฮลเมตส์ระบุว่า ระเบิดปะทุขึ้นบริเวณชั้นล่างของอาคารแห่งหนึ่ง ที่ถูกใช้เป็นที่เก็บอาวุธของกลุ่มหติดอาวุธซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์ หรือ อัลเคดา โดยแรงระเบิดทำให้อาคาร 5 ชั้นจำนวนสองหลังถล่มลงมา ประชาชนจำนวนมากถูกซากปรักหักพังฝังร่าง

ภาพจากทวิตเตอร์ The White Helmets
ตามรายงานระบุว่า ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์พังถล่มจากแรงระเบิดในคลังอาวุธ เชื่อว่าเป็นชาวซีเรียพลัดถิ่นที่หลบหนีจากภัยสงครามในตอนกลางของจังหวัดฮอมส์
ทั้งนี้ ยังไม่ทราบถึงสาเหตุของการระเบิดอย่างแน่ชัด ว่าเกิดขึ้นมาจนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากได้อย่างไร
สำหรับจังหวัดอิดลิบเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายที่สำคัญของฝ่ายกบฏซีเรีย และในขณะนี้รัฐบาลซีเรียกำลังสู้รบกับกลุ่มกบฏอย่างหนักหน่วงในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อหวังจะยึดครองกลับคืนมาหลังจากที่กองกำลังรัฐบาลสามารถยึดคืนพื้นที่จากฝ่ายกบฏได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ภาพจากทวิตเตอร์ The White Helmets
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลของนายบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียและอิหร่านในการปราบปรามกลุ่มกบฏหลายฝ่ายในประเทศ อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรต่างออกประณามถึงการกระทำดังกล่าวที่ทำให้มีผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตจำนวนมาก
อย่างเช่นเหตุการณ์สะเทือนโลกเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 61 กรณีเหตุโจมตีทางอากาศด้วยอาวุธเคมี ในเมืองดูมา เขตกูตาตะวันออก ประเทศซีเรีย จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 70 ราย และบาดเจ็บจำนวนหลายร้อยคน
Scenes from #EasternGhouta, @SyriaCivilDefe teams working to evacuate the injured civilians following the renewed aerial bombardment on residential neighbourhoods in #Douma city. #Syria pic.twitter.com/TEmgSr2o6h
— The White Helmets (@SyriaCivilDef) 7 เมษายน 2561
ด้านรัฐบาลวอชิงตันกล่าวหาว่านายอัสซาดอยู่เบื้องหลัง แต่ทางผู้นำซีเรียได้ออกมาปฏิเสธ และบอกว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง อย่างไรก็ดี ในอีกไม่กี่วันต่อมา (14 เม.ย.) สหรัฐฯ พร้อมชาติพันธมิตรได้เปิดปฏิบัติการทางทหารโจมตีซีเรีย ตอบโต้การใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือน
โดยการโจมตีครั้งนั้นใช้ขีปนาวุธที่ยิงจากเรือรบจำนวน 57 ลูก และยิงขีปนาวุธจากอากาศสู่พื้นจากเครื่องบินอีก 19 ลูก มุ่งเป้าถล่มอาคารศูนย์ศึกษาและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ (เอสเอสอาร์ซี) ในเขตบาเซะห์ ทางเหนือของกรุงดามัสกัส ที่สหรัฐฯ เชื่อว่าเป็นสถานที่เก็บและผลิตอาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรีย
แต่ภายหลังรัฐบาลนายอัสซาดออกมาเปิดเผยว่า อาคารดังกล่าวเป็นเพียงศูนย์วิจัยพัฒนายาเพื่อผลิตยา เพื่อทดแทนการนำเข้า ไม่ใช่คลังอาวุธตามที่มหาอำนาจชาติตะวันตกกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ซากปรักหังพังของอาคารศูนย์ศึกษาและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ (เอสเอสอาร์ซี)
ความขัดแย้งภายในประเทศซีเรียเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียระบุว่า กองทัพของประธานาธิบดีอัสซาดได้ทิ้งระบิดโจมตีพื้นที่ฐานที่มั่นของกลุ่มกบฎ และประกาศว่าจะยึดพื้นที่บริเวณติดพรมแดนจอร์แดน และบริเวณที่ราบสูงโกลันซึ่งอิสราเอลยึดครองอยู่คืนกลับมาให้ได้
ขณะที่สหรัฐฯ ย้ำเตือนถึงการกระทำดังกล่าว และหากยังใช้ความรุนแรงซีเรียต้องเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรง
ความขัดแย้งของซีเรียไม่ได้เกิดขึ้นภายในประเทศเท่านั้น ประเทศเพื่อบ้านอย่างอิสราเอลและอีกหลายชาติใกล้กันก็มีการทำศึกกันอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีการปะทะกันระหว่างซีเรียกับอิสราเอล เมื่อ พ.ค. 61 หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามประกาศถอนตัวข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน
โดยอิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีด้วยขีปนาวุธอย่างหนักใส่ซีเรีย ใกล้กรุงดามัสกัสเมืองหลวง โดยเป้าหมายในครั้งนั้นหวังถล่มคลังเก็บอาวุธของกองทัพซีเรีย ซึ่งทำให้ทหารฝ่ายรัฐบาลซีเรียและนักรบอิหร่านพันธมิตรเสียชีวิต
แต่ทางซีเรียก็มีการตอบโต้ด้วยขีปนาวุธหลายสิบลูกเช่นกัน โดยทางการอิสราเอลเชื่อว่าเป็นกองกำลังอิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรซีเรีย ซึ่งประจำอยู่บริเวณที่ราบสูงโกลันในฝั่งซีเรียเป็นผู้ยิง
#BREAKING – First footage of new round of #Syrian rocket launches against #Israeli held #Golan in response to #Israel‘s strikes on #Syria. pic.twitter.com/kylLKaD2zj
— Al Sura (@AlSuraEnglish) 10 พฤษภาคม 2561
สำหรับที่ราบสูงโกลันถือเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างอิสราเอลและซีเรีย แต่ล่าสุดเมื่อช่วง ก.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มกบฏที่ยึดครองอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ ยอมตกลงที่จะส่งมอบที่ราบสูงโกลันให้กับรัฐบาลซีเรีย
หลังจากฝ่ายกบฏได้ถูกกองกำลังรัฐบาลนายบาชาร์ อัล-อัสซาด ปราบปรามจนต้องจำนน ซึ่งฝ่ายกบฏได้มีฐานที่มั่นอยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดควิเนตรา และพื้นที่กันชนมานานหลายปี
ดังนั้น ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลซีเรียกับฝ่ายต่อต้านครั้งล่าสุด ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของประธานาธิบดีอัสซาดตลอดช่วง 7 ปี แห่งสงครามกลางเมืองที่ผ่านมา