ประเด็นคือ – จนท.เริ่มชิงเผาทำแนวกันไฟ ตามถนนพหลโยธิน สายลำปาง-ตาก ก่อนมาตรการห้ามเผา วันที่ 10 ก.พ. ส่งผลให้ควันบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ ปชช.ผู้ใช้เส้นทางเดือดร้อน หวั่นเกิดอันตราย
วันที่ 4 ม.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมการชิงเผาทำแนวกันไฟในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเขตทางหลวงแผ่นดิน ไปตามถนนพหลโยธินสายลำปาง-ตาก ทั้งฝั่งขาขึ้น และขาล่อง เพื่อบริหารจัดการเชื้อเพลิง ก่อนวันประกาศใช้มาตรการห้ามเผา ซึ่งจะมีขึ้นตลอดระยะเวลา 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. นี้ ไปจนถึงวันที่ 10 เม.ย. 2561 ล่าสุด ได้ส่งผลกระทบต่อทัศนียภาพบนท้องถนน ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อน และรู้สึกว่าจะได้รับอันตรายจากผลการทำงานที่เกิดขึ้น จากการบริหารจัดการเชื้อเพลิงที่ชิงเผาจนเกินความควบคุมอย่างไม่ถูกต้อง
โดยทัศนวิสัยการมองเห็นบางช่วง ตั้งแต่หลักกิโลเมตรที่ 672-675 บนถนนพหลโยธินสาย ลำปาง-ตาก ในพื้นที่ ต.นาแส่ง อ.เกาะคา เกิดจากการชิงเผา ทำแนวกันไฟของกลุ่มชาวบ้านและเครือข่าย อส.ดับไฟป่า บ้านนาแส่ง และหาดปู่ด้ายตะวันออก ต.นาแส่ง อ.เกาะคา จ.ลำปาง จนเกิดผลกระทบกับผู้ใช้รถใช้ถนน ถึงขั้นบางช่วงของถนนไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะใกล้ๆ เพียง 5 เมตร และยังทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนรู้สึกว่าจะได้รับอันตราย จนบางคนไม่กล้าขับรถวิ่งผ่าน ขณะเดียวกันก็ไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยควบคุมสถานการณ์อยู่ในบริเวณนั้น
โดยประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนท่านหนึ่ง กล่าวว่า รู้สึกว่าอันตราย เพราะการชิงเผาหญ้าทำให้เกิดควันจำนวนมากเต็มพื้นที่ จึงไม่เห็นด้วย และตนคิดว่าน่าจะเป็นการเข้าใจในนโยบายชิงเผาที่ไม่ถูกต้อง เพราะหมอกควันที่เกิดขึ้นสามารถสร้างค่าฝุ่นละอองให้เพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่จะมีการห้ามเผาตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. เป็นต้นไป จึงคิดว่าคำสั่งนี้ไม่ได้เกิดประโยชน์ เพราะฝุ่นละอองเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่เผานี้แล้ว
ด้านผู้นำชุมชน กล่าวขอโทษสำหรับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนสำหรับหมอกควันไฟที่เกิดจากมาตรการชิงเผา และทำแนวกันไฟในพื้นที่จุดเสี่ยงช่วงนี้ เพราะเป็นการบริหารจัดการเชื้อเพลิง เพื่อไม่ให้มีไฟป่า และมลพิษหมอกควัน ที่จะเกิดขึ้นในช่วง 60 วันอันตราย ซึ่งช่วงนั้นจะมีสภาพอากาศแห้ง โอกาสที่จะมีไฟป่าเกิดขึ้นในพื้นที่ค่อนข้างสูง โดยปีที่ผ่านมา จ.ลำปาง พบสถิติค่าพิกัดความร้อน หรือ Hot spot จากปัญหาไฟป่าในพื้นที่นี้บ่อยครั้ง
สำหรับผู้ที่จะเดินทางมายังพื้นที่ทางภาคเหนือในช่วงระยะนี้ จะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ และไม่ควรขับรถเร็วเกินไป เนื่องจากสภาพหมอกควันที่ค่อนข้างหนาบางจุดอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้