ซาอุฯ เตรียมยอมรับนักข่าว “คาช็อกกี” เสียชีวิต ในสถานกงสุลประเทศตุรกี

“หุ้น-ค่าเงิน” ซาอุดิอาระเบียร่วง! และต้องเผชิญกับแรงกดดันจากนานาชาติ จากกรณี “คาช็อกกี” นักข่าวชาวซาอุฯ ที่ชอบวิจารณ์รัฐบาลหายตัวไป หลังเข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ ในประเทศตุรกี ขณะที่ “ทรัมป์” ยื่นมือส่ง รมว.ต่างประเทศไปเคลียร์

สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ทางการซาอุดิอาระเบีย เตรียมออกมาเปิดเผยว่า นายจามาล คาช็อกกี (Jamal Khashoggi) นักข่าวชาวซาอุฯ เสียชีวิต ระหว่างการสอบปากคำ  โดยแหล่งข่าวที่สื่ออังกฤษอ้างถึง ระบุว่า รายงานดังกล่าว จะปราศจากความโปร่งใสและไม่มีผู้ใดต้องรับผิดชอบ

ขณะที่ ทางการตุรกี ได้เข้าร่วมสอบสวนเหตุการณ์นี้ด้วย โดยวันนี้ (16 ต.ค. 61) ตำรวจตุรกี ได้เข้าค้นหาหลักฐานภายในสถานกงสุลซาอุฯ ณ นครอิสตันบูล

UPDATE: The Turkish team, who conducted the investigation alongside a Saudi delegation, returned to their vehicles taking samples with them, including soil from the consulate garden pic.twitter.com/izCLpe2vIO

— AFP news agency (@AFP) 16 ตุลาคม 2561

หลัง “คาช็อกกี” เข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี แล้วหายตัวไปอย่างลึกลับทำให้ ซาอุฯ เผชิญแรงกดดันจากนานาชาติ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า ซาอุฯ สมควรถูกลงโทษรุนแรง ถ้า “คาช็อกกี” ถูกฆ่าในสถานกงสุลซาอุฯ จริง แต่ทั้งนี้สหรัฐฯ ก็ยังไม่ระงับการขายอาวุธให้กับซาอุฯ ทรัมป์ ยังได้โทรศัพท์สายตรงไปยัง “กษัตริย์ซัลมาน” เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และส่ง นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไปเข้าเฝ้าเพื่อหารือเรื่องนี้ด้วย

ขณะที่ รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส และเยอรมนี ออกแถลงการณ์ร่วมถึงรัฐบาลซาอุฯว่า การหายตัวไปของคาช็อกกี เป็นเรื่องร้ายแรงที่สุด ต้องมีการสอบสวนที่เชื่อถือได้ และหาผู้รับผิดชอบ

UPDATE: Secretary of State Mike Pompeo was dispatched by President Trump for what the State Department described as ‘face to face meetings with the Saudi leadership’ pic.twitter.com/OQbzJvX1xZ

— AFP news agency (@AFP) 16 ตุลาคม 2561

จามาล คาช็อกกี  (Jamal Khashoggi) นักข่าวชาวซาอุดิอาระเบีย ที่มักวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลซาอุฯ ได้อพยพเข้าพำนักในสหรัฐอเมริกา ในปี 2560 เขาเป็นคอลัมนิสต์ให้กับวอชิงตันโพสต์ สื่อสหรัฐฯ และได้หายตัวไป ตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา หลังเข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งรัฐบาลตุรกี เชื่อว่า นายคาช็อกกี ถูกสังหารก่อนนำร่างออกจากสถานกุงสุลซาอุฯ

(ภาพจากวงจรปิด ขณะนายจามาล คาช็อกกี เดินเข้าไปในสถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อ 2 ต.ค. 61 /  CNN)

การเสียชีวิตของ “คาช็อกกี” สร้างผลกระทบให้การซาอุฯ โดยเมื่อเช้าวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้น “ทา-ดาวุล ออลแชร์ส” ในตลาดหุ้นซาอุฯ ตกลงถึง 7 % ค่าเงินรียาล ของซาอุฯ ก็ร่วงตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 อยู่ที่ 3.7514 รียาล ต่อ 1 ดอลลาห์สหรัฐ ขณะที่ สถานีข่าวโทรทัศน์ชื่อดังของอาหรับ “อัล อารา-บิยา” รายงานว่า ซาอุฯ ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก อาจใช้น้ำมัน เป็นอาวุธต่อสู้กับแรงกดดันจากนานาชาติ โดยราคาน้ำมันในตลาดโลก อาจพุ่งสูงถึง 100-200 ดอลลาห์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล