คุก 4 เดือน อดีตปธน.ไต้หวัน ฐานเปิดเผยความลับดักฟังคู่แข่ง

ศาลไต้หวัน ตัดสินจำคุก อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน เป็นเวลา 4 เดือน ข้อหาเปิดเผยความลับ ละเมิดกฎหมายความมั่นคงของประเทศ ด้านเจ้าตัวฮึด ! ยื่นอุทธรณ์สู้ พร้อมจ่ายค่าปรับแทนการไร้อิสรภาพ

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ศาลสูงเขตปกครองพิเศษ กลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ตัดสินจำคุก 4 เดือน นายหม่า อิงจิ่ว อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน จากความผิดฐานละเมิดกฎหมายความมั่นคงด้านการสื่อสารและสอดส่องดูแล และใช้อำนาจในตำแหน่ง ประธานาธิบดีโดยมิชอบ

เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2560 ศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้ นายหม่า “ไม่มีความผิด”  ขณะที่ นายหม่า เปิดเผยหลังทราบคำพิพากษาว่า จะยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน พร้อมยื่นประกันตัวระหว่างรอดำเนินคดีในศาลฎีกา ด้วยเงิน 120,000 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือ ราว 127,000 บาท  ทั้งนี้ในกฎหมายไต้หวัน โทษจำคุกที่ระยะเวลาต่ำกว่า 6 เดือน สามารถจ่ายค่าปรับแทนได้

อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน ถูกกล่าวหาว่า เปิดเผยความลับของทางการเมื่อปี 2556 จากการดักฟังโทรศัพท์ ระหว่างนายหวัง จินผิง อดีตประธานสภานิติบัญญัติ กับ นายเคอ เจี้ยนหมิง ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน สมาชิกพรรคเดโมเครติกโปรเกรสสสีฟ พรรคเดียวกับ น.ส.ไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีหญิงคนปัจจุบัน จนทำให้ประชาชนหลายพันคนไม่พอใจเดินขบวนประท้วง เรียกร้องให้ นายหม่า ลาออกจากตำแหน่ง ประธานาธิบดี

นายหม่า วัย 67 ปี เกิดที่ฮ่องกง จบการศึกษาปริญญาตรีด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยไต้หวัน, ปริญญาโทด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และปริญญาเอกด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ชื่อว่า เป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพ เป็นสุภาพบุรุษนักเรียนนอก เคยดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีนครไทเป ระหว่างปี พ.ศ.2541-2549 และประธานาธิบดีไต้หวัน 2 สมัย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 – 2559

เมื่อปี 2550 นายหม่า เคยถูกอัยการยื่นฟ้องในคดีงบพิเศษพัวพันการคอร์รัปชั่นในวงเงิน 11.7 ล้านเหรียญไต้หวัน ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนครไทเป นายหม่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง หัวหน้าพรรคก๊กหมินตั๋ง ก่อนลงสมัครชิงตำแหน่ง และได้รับชัยชนะขึ้นเป็นประธานาธิบดีไต้หวันสมัยที่ 2 โดยต่อมาศาลตัดสินว่า นายหม่า ไม่มีเจตนาทำความผิดในคดีงบพิเศษดังกล่าว

ผลงานโดดเด่นระดับโลกของนายหม่า คือการเดินทางไปพบ และจับมือกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ในการประชุมซัมมิตที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี 2558 ได้ตกลง “ความเห็นร่วมข้ามช่องแคบไต้หวัน” จนนำมาสู่คำว่า “จีนเดียว” นับตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์ได้อำนาจปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อปี 2492