SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางความร้อนระอุของบรรยากาศการเมืองไทย ทีมข่าวเวิร์คพอยท์มีโอกาสได้พูดคุยกับ “เพชรชมพู กิจบูรณะ” จากพรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งก้าวเข้าสู่ตำแหน่งโฆษกพรรคและผู้สมัครบัญชีรายชื่อเบอร์ 2 ในวัยเพียง 25 ปี ระหว่างการสัมภาษณ์ครั้งนี้เธอยืนยันกับเราว่าแม้จะเป็นครั้งแรก แต่ก็พร้อมสำหรับศึกเลือกตั้งที่กำลังจะเข้าช่วงดุเดือดที่สุด

อะไรทำให้คนรุ่นใหม่แบบคุณเข้ามาในสายอาชีพการเมือง

“อันนี้ต้องแบ่งเป็นสองส่วนค่ะ ก็คือส่วนแรก เพชรอยากเข้ามาพัฒนาประเทศในระดับมหภาค เรามีโอกาสได้เข้าไปศึกษาต่อในหลาย ๆ ประเทศแล้วก็อยากเอาความรู้ความสามารถกลับเข้ามาพัฒนาประเทศ

ด้านที่สองก็คือในเรื่องของผู้หญิง ในทางการเมืองยังมีผู้หญิงที่เป็นนักการเมืองน้อย ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก เพราะว่าเวลาเราออกไปชุมนุม มีกิจกรรมสังคม มีกิจกรรมการเมืองต่าง ๆ เราจะเห็นว่าผู้หญิงมีส่วนร่วมมาก แต่ในทางกลับกันผู้หญิงที่ตัดสินใจเข้ามาในเส้นทางการเมืองน้อยมาก แล้วก็ประจวบกับว่าพรรคนี้ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศมาก ในบัญชีรายชื่อของเรา 150 คน 75 คนเป้นผู้ชาย 75 คนเป็นผู้หญิง เท่าเทียมกันชัดเจน”

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ได้ไปเรียนเมืองนอกแล้วจะอยากเข้ามาตรงนี้ จุดไหนเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณตัดสินใจ

“เพชรต้องบอกว่าการที่เราไปเรียนต่างประเทศหรือในประเทศก็ตาม การที่เราจะมีส่วนในการพัฒนาประเทศไม่จำเป็นจะต้องมาทำงานการเมืองเท่านั้น สมมติว่าอยู่ในราชการ ทำงานในบริษัทกฎหมาย ทำงานสถาบันวิจัย ทำงานการกุศล ก็มีส่วนพัฒนาประเทศได้ แต่ว่าในส่วนตัวของเพชรที่เลือกเดินมาตรงนี้ เพชรคิดว่าเพราะว่ามันเป็นจุดที่ประเทศต้องการคนที่เข้ามามีส่วนร่วมในหลาย ๆ ภาคส่วน ทั้งคนที่อายุน้อยอย่างเพชร คนที่มีมุมมองอยากจะปฏิรูปประเทศ คนที่มีประสบการณ์ในหลาย ๆ ด้าน ก็คือทางพรรคเป็นจุดที่ผสมผสานคนหลาย ๆ กลุ่ม แต่ว่ามีคนทุกรุ่นทุกอาชีพทุกประสบการณ์จริง ๆ ค่ะ”

ทำไมคุณถึงเลือกพรรครวมพลังประชาชาติไทย

“อันนี้ต้องบอกว่าเลยว่าเป็นเพราะว่าโครงสร้างและอุดมการณ์ของพรรคนี้ คือพรรคเราค่อนข้างต่างจากพรรคอื่นตรงที่เป็นพรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริง

คำนี้ไม่ใช่ว่าพูดลอย ๆ เพราะเราก็เห็นว่าคำว่าพรรคการเมืองของประชาชน เพื่อประชาชนนี่ทุกพรรคการเมืองก็พูดถึงอยู่แล้ว แต่คำว่าการเป็นพรรคการเมืองของประชาชนจริง ๆ ก็คือประชาชนเป็นเจ้าของพรรค เป็นคนที่ลงทุน เป็นคนที่ออกแรง เป็นคนที่เข้ามามีอำนาจตัดสินใจในพรรคจริง ๆ

อย่างเช่นวันที่ 15 ธันวาคมปีที่แล้วเราก็มีการจัดสมัชชาของพรรค ก็คือการที่ให้สมาชิกพรรคได้มีส่วนเข้ามาลงคะแนนที่จะกำหนดข้อบังคับของพรรค เลือกกรรมการบริหารพรรค เลือกกรรมการจริยธรรมและวินัยของพรรคเป็นต้น ก็คือจะเห็นได้เลยว่าประชาชนคนที่เป็นสมาชิกพรรคเขาเป็นคนกำหนดความเป็นไปทุกอย่างในพรรคจริง ๆ “

กรรมการจริยธรรมและวินัยฟังดูน่าสนใจมาก

“พรรคเรามีความตั้งใจจะทำพรรคการเมืองรูปแบบใหม่ที่มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้

เพราะฉะนั้นหน้าที่หลักของกรรมการจริยธรรมและวินัยคือตรวจสอบว่าสมาชิกคนไหนมีพฤติกรรมที่ส่อไปทางทุจริตหรือไม่ หรือว่าส่อไปในทางที่ไม่ดี มีผู้มาร้องเรียนหรือเปล่า สมมติว่ามีสมาชิกพรรคหรือคนที่เข้าไปเป็นส.ส.ถูกร้องเรียนมา กรรมการจริยธรรมและวินัยก็จะเป็นผู้ตรวจสอบ ซึ่งกรรมการจริยธรรมและวินัยก็จะมาจากการเลือกของสมาชิกพรรคทั่วประเทศในวันประชุมสมัชชา”

แน่ใจได้อย่างไรว่าตรวจสอบได้ทุกคนจริงๆ?

“ตรงนี้เราก็ชัดเจนมาตั้งแต่แรกแล้วว่าคนที่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรค ข้อบังคับพรรคระบุไว้แล้วว่ากรรมการจริยธรรมและวินัยมีอำนาจตรวจสอบสมาชิกทุกคนจริง ๆ ไม่ได้ดูว่าคุณเป็นส.ส.หรือกรรมการบริหารพรรค ถ้าคุณได้รับการร้องเรียนมาก็มีสิทธิตรวจสอบได้ทุกคน”

https://www.facebook.com/WorkpointNews/videos/802807300081038/

คุณอายุ 25 ปีแต่เป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 2 ของพรรค คิดว่าทำไมพรรคให้ตำแหน่งนี้?

“จริง ๆ แล้วเรื่องนี้เป็นสิ่งที่พรรคพูดถึงตั้งแต่เริ่มต้น ว่าเราจะให้ความเท่าเทียมชายหญิง ก็คือปาร์ตี้ลิสต์เราสลับชาย-หญิง ผู้ชาย 75 คน ผู้หญิง 75 คน แล้วก็เรามีความคิดว่า ในการทำงานการเมือง การทำงานเพื่อประเทศจำเป็นจะต้องมีการผสมผสานในทุก ๆ รูปแบบก็คือ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ต่างอายุ ต่างอาชีพ ต่างประสบการณ์ หลายพรรคอาจพูดถึงความเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ว่าพรรคนี้เป็นพรรคเดียวที่ให้พื้นที่คนรุ่นใหม่ที่ให้โอกาสมาอยู่ในลำดับปาร์ตี้ลิสิต์ที่จะเข้ามาสร้างประโยชน์ให้ประเทศได้”

รู้สึกกดดันบ้างไหม?

“ความกดดันก็ต้องมีอยู่แล้วแต่ว่าให้เราเชื่อว่าเราไม่ได้มาคนเดียว เรามาเป็นทีมที่ต่างคนก็มุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อประชาชน”

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนมองว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทยเป็นพรรคอนุรักษ์นิยม คุณมองว่าตัวเองอนุรักษ์นิยมหรือไม่?

“ในจุดนี้บางทีเพชรจะได้ยินคำถามว่าแล้วสรุปคุณเป็นพรรคฝั่งไหนค่อนข้างเยอะ คุณเป็นอนุรักษ์นิยม เป็นหัวก้าวหน้าหรือเปล่า เพชรจะบอกว่าจริง ๆ แล้วเราไม่ควรให้คำจำกัดความทางการเมืองอย่างนั้นอีกแล้ว  ก็จริงอยู่ว่าพรรคของเรามีอุดมการณ์มีนโยบายบางอย่างที่บางคนเห็นว่าเป็นอนุรักษ์นิยม ที่เราเห็นความสำคัญถึงขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของประเทศไทย

บางคนก็มองว่าอันนี้ฝั่งขวา อันนี้อนุรักษ์นิยม แต่เราก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศ อันนี้คือหัวก้าวหน้าสุด ๆ เลย เราต้องการเปลี่ยนแปลงระบบให้ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ให้กระบวนการยุติธรรม ให้มีการกระจายอำนาจ ให้มีการแก้ไขระบบที่เกี่ยวกับการจัดการการทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องแบบนี้ก้าวหน้ามากเลยแต่คนกลับไปเหมารวมว่าพรรคเราเป็นอนุรักษ์นิยม ซึ่งเพชรว่าคำจำกัดความแบบนี้ใช้ไม่ได้กับการเมืองแบบใหม่แล้ว”

พรรคของคุณจะแก้ปัญหาอะไรเป็นอันดับต้น ๆ?

“ที่เราบอกว่าเน้นการปฏิรูปประเทศ หลัก ๆ มี 5 ด้าน แต่ว่าด้านนึงที่เราให้ความสำคัญมากคือการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งก็แตกแขนงออกไปหลายเรื่องเหมือนกัน เรื่องการศึกษา เรื่องสาธารณสุข เรื่องการเพิ่มรายได้ การลดรายจ่าย

เช่นในเรื่องการศึกษา เราก็บอกว่าเราสนับสนุนให้มีการเรียนฟรีถึงระดับปวส. เพราะเราเข้าใจว่าเด็กไทยจริง ๆ ต้องมีทางเลือกมากกว่าการเข้าไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัย บางทีคุณพ่อคุณแม่หรือว่าครอบครัวเองก็จะผลักดันให้ไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัยให้ได้ใบปริญญา เพราะว่าคิดว่าเป็นหนทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต แต่เราลืมให้ความสำคัญของสายอาชีพซึ่งจริง ๆ แล้วขาดคนมาก และจบมามีงานทำแน่ ๆ เราต้องฝึกคนให้จบมาเป็นมืออาชีพเราก็เลยส่งเสริมให้มีการเรียนฟรีถึงระดับปวส.

ส่วนในอีกหลาย ๆ เรื่องเช่นเรื่องการเกษตร เราก็มีนโยบายที่จะให้เกษตรกรมีกำไร 100% ที่ผ่านมามีโครงการต่าง ๆ เยอะแยะที่บอกว่าเป็นประกันราคา แต่ว่าจริง ๆ แล้วประกันราคาไม่ได้อยู่ในฐานของเหตุผลหรือว่าฐานความเป็นจริงเลย เราจะใช้อำนาจของรัฐบาลไปเข้าไปแทรกแซงตลาดโลกได้อย่างไร อันนี้ก็ถือเป็นเรื่องไม่ถูก เพราะฉะนั้นพรรคเรามีแนวทางว่า อย่างเช่นเกษตรกรที่ทำงานหนัก ตากแดดตากฝนอย่างนี้ค่ะ เขาจำเป็นต้องมีกำไร

เราต้องคำนวณต้นทุนก่อนว่าต้นทุนในการทำการเกษตรอย่างการปลูกข้าวปลูกยางนี่เท่าไหร่ ค่าปุ๋ยค่าน้ำค่าที่ดิน ถ้าเกิดมีการเช่านี่เท่าไหร่ สมมติข้าว 6,000 นี่คือต้นทุน เขาควรจะขายได้เท่าไหร่ถ้าเราบอกว่า 100% ก็คือ 12,000 ก็จะมีการประมวลกันแต่ละปีโดยที่รัฐบาลกำหนดราคาไว้ ถ้าเกษตรกรนำไปขายแล้วนำหลักฐานมายืนยันกับเราว่าสมมติเขาขายได้ไม่ถึงเท่านั้น อาจจะได้แค่หนึ่งหมื่นรัฐบาลก็ต้องหาวิธีชดเชยให้เขาอีก 2,000 นั้น ไม่ได้เป็นการประกันราคาแต่เป็นการประกันรายได้ แล้วก็ควรมีโครงการต่าง ๆ ที่ช่วยส่งเสริมแต่ละครอบครัว บางทีเราไปมองว่าค่าแรงขั้นต่ำ สมมติตอนนี้อยู่ที่ 300 แต่ว่าค่าแรงขั้นต่ำเราต้องมองด้วยว่าสำหรับคนหนึ่งคนหรือสำหรับการเลี้ยงครอบครัวหนึ่งครอบครัวซึ่งบางทีอาจจะไม่พอ เราก็ต้องมีโครงการที่ช่วยส่งเสริมอาชีพให้เขาด้วย

อันนี้ก็ที่บอกว่าเป็นการคำนวนราคาต้นทุนตั้งแต่แรก รัฐบาลกลางก็ต้องประกาศตั้งแต่ต้นปีของการผลิตผลผลิตทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้าว ราคายาง ปา์มน้ำมัน อ้อย สินค้าแบบนี้ต้องประกาศหมดเลย ต้องมีการคำนวณตามหลักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ว่าพูดมาลอย ๆ ว่าแต่ละพื้นที่ราคาเท่าไหร่

ขออีกสักนโยบายที่คิดว่าเด่นมากสำหรับพรรคนี้?

ถ้านโยบายหลัก ๆ อีกอย่างน่าจะเป็นเรื่องการส่งเสริมอาชีพ อย่างที่เราบอกว่าการที่จะลดความเหลื่อมล้ำในสังคมก็คือต้องทำให้คนทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสและทรัพยากรของรัฐให้ได้มากที่สุด ตอนนี้เรามีการขีดเส้นความมั่นคงว่าอยู่ตรงไหน เส้นพอเพียงอยู่ตรงไหน อันนี้ก็เป็นนโยบายของพรรคนะ สมมติว่ามีคนในครอบครัวหนึ่งคนต้องไปทำงาน อีกคนต้องอยู่กันบ้าน เราจะมีวิธีส่งเสริมอาชีพให้เขาอย่างไร มีวิธีส่งเสริมอาชีพให้เขาไหม ทำอาหารเย็บผ้า อะไรอย่างนี้ ก็ต้องมีหน่วยงานเข้าไปช่วยดูแลในจุดนี้ ให้เขาสามารถทำรายได้ไปถึงเส้นพอเพียงและเส้นมั่นคงได้”

เส้นพอเพียงกับเส้นมั่นคงวัดจากอะไร?

“อันนี้ต้องมีการคำนวณอีกทีว่าคนคนหนึ่งจะสามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้อย่างไร ที่บอกว่ามีการวัดค่าแรงขั้นต่ำ 300 เค้าบอกว่าอยู่พอหรือเปล่า อย่างที่กรุงเทพก็อาจจะไม่ได้ เพราะฉะนั้นในแต่ละภูมิภาคก็จะมีเส้นพอเพียงกับเส้นมั่นคงที่ต่างกัน สมมติว่าได้รายได้ถึงเส้นพอเพียงแล้ว เราจะต้องมีการส่งเสริมเขาอย่างไรให้มีชีวิตอยู่อย่างมั่นคง”

ประเด็นส่วนตัวที่คุณเองอยากแก้ไขคืออะไร?

“สำหรับเพชรนี่ก็บอกว่าต้องเป็นเรื่องการศึกษา เพราะว่าเพชรได้มีโอกาสสัมผัสการศึกษามาทั้งหมด 3 ประเทศ ที่ไทย ที่สิงคโปร์ และที่อังกฤษ

เพชรว่าการศึกษาไทยควรพัฒนาให้เด็กได้เรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตด้วยไม่ใช่พูดถึงเรื่องวิชาการอย่างเดียว บางคนจบมาแต่ทักษะการใช้ชีวิตอาจจะน้อยมาก การอยู่ในสังคม เรื่องภาษี เรื่องการทำงานกับคนอื่นอาจจะมีน้อย ตรงนี้ก็ต้องช่วยกันส่งเสริม เรื่องพลเมืองเป็นอย่างไร บางคนอาจจะพูดถึงแต่ว่าสิทธิของความเป็นพลเมืองแต่ว่าลืมพูดถึงเรื่องหน้าที่ เรื่องทักษะการใช้ชีวิต การอยู่ร่วมกันในสังคมก็น่าจะส่งเสริม

เรื่องการศึกษานี่ พรรคเราเน้นอาชีวะศึกษามากเลย เราอยากให้อาชีวศึกษาอยู่ในประแสหลัก ของประเทศ เพราะตอนนี้ก็คือคนที่จบมา ทำงานสายอาชีพ ควรจะต้องเป็นคนมีคุณภาพ แล้วก็เป็นมืออาชีพ ตรงจุดนี้ก็ถ้าทางตัวเพชรเอง เพชรเคยร่วมมือกับมูลนิธิมวลมหาประชาชนที่ทำวิทยาลัยอาชีวะศึกษาอยู่ที่สมุย เขาจะสอนหลายวิชามากที่เข้ามาป้อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มีหลายวิชา มีบัญชี การทำอาหาร ภาษาต่างประเทศ คอมพิวเตอร์อะไรพวกนี้ค่ะ ตอนนี้เด็กยังไม่จบมาเลย ตอนนี้อยู่ปีสองแล้ว แต่ก็คือมีคนเร่มเข้ามาจองไปทำงานแล้ว เราอยากให้อาชีวะศึกษามาอยู่ในกระแสหลัก ไม่มีการไปลดคุณค่าของเขาอีกต่อไป”

ที่ผ่านมามีกระแสลบต่อคุณสุเทพอย่างต่อเนื่อง ในฐานะเพื่อนร่วมงานกังวลไหม?

ในสังคมประชาธิปไตยก็ต้องมีทั้งคนที่ชอบเราและไม่ชอบเรา คนที่เข้ามาทำงานการเมืองต้องตระหนักอยู่เสมอว่าประชาชนทุกคนก็คือคนที่เราต้องรับใช้ ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นยังไงเราก็ควรจะต้องรับฟังและปรับปรุงแก้ไขตามนั้น

การเข้ามาของโซเชียลมีเดียส่งผลต่อเกมการเลือกตั้งมากน้อยแค่ไหน?

แน่นอนค่ะว่าการมีโซเชียลมีเดียเข้ามา ทำให้ข่าวสารมีการกระจายออกไปค่อนข้างเร็ว แล้วก็สามารถเข้าถึงหลาย ๆ พื้นที่ที่บางทีอาจจะไม่มีโอกาสเดินทางมาฟังการปราศรัย ไม่มีโอกาสเดินทางมาถึงพื้นที่หลัก ๆ ที่มีการหาเสียง แต่ว่าจริง ๆ แล้วการที่ผู้สมัครทุกคนลงไปพบปะประชาชนก็เป็นเรื่องที่สำคัญเหมือนกัน อย่างของเราส่งผู้สมัครครบทั้ง 350 เขต เราก็มีตั้งใจว่าจะเดินไปพบประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้สมัครเราแทบทุกเขตก็เดินทุกวัน ก็คือยึดแนวทางการคารวะแผ่นดินของคุณลุงกำนัน เดินไปพบทุกบ้าน แนะนำตัว แนะนำนโยบาย แล้วก็ที่สำคัญที่สุดก็คือรับฟังปัญหาจากประชาชน

ครั้งนี้เป็นการลงสนามการเมืองครั้งแรก สำหรับคุณแล้วการต่อสู้การเมืองตรงไหนที่คิดว่าดุเดือดที่สุด?

การต่อสู้การเมืองในครั้งนี้ ด้วยความที่ว่าเรามีพรรคเก่าหลายพรรคแล้วก็พรรคใหม่ที่เกิดขึ้นหลายพรรคก็แน่นอนว่าดุเดืออยู่แล้ว แต่พรรคเราที่ตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่แรกก็คือ เราจะไม่ทะเลาะกับใคร ก็คือจะไม่โจมตีพรรคไหนโดยไร้เหตุผล เราจะมุ่งไปถึงจุดที่ว่าเราจะพูดเรื่องนโยบาย สิ่งที่เราจะทำกับประชาชน ก็จะไม่มีการไปทะเลาะกับใคร โต้กันไปโต้กันมาทางสื่อแน่นอนค่ะ

พรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ได้ส่งแคนดิเดทนายกเพราะอะไร?

เราพิจารณากันในพรรคและเป็นมติของกรรมการบริหาร ด้วยความที่เราเป็นพรรคที่เกิดใหม่ เป้นพรรคที่ไม่คิดว่าจะมีการได้รับเลือกสส.เกินครึ่งหนึ่งของสภา เราก็คิดว่าเราจะเลือกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมหลังเลือกตั้ง

มีพรรคที่บอกว่าสนับสนุนใครก็ได้ บางพรรคก็บอกเลยว่าเราไม่เอาแคนดิเดทนายกที่มีคุณสมบัติแบบนี้ พรรครวมพลังประชาชาติไทยมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง?

เงื่อนไขแรกก็คือคนที่เราจะสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีจำเป็นที่จะต้องเห็นด้วยกับการปฏิรูปของเรา เห็นด้วยกับปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน อย่างที่สองการที่เราเป็นพรรคการเมืองของประชาชนก็จำเป็นที่สมาชิกพรรคของเราจะต้องเห็นด้วยกับการสนับสนุนคนคนนั้นให้เป็นแคนดิเดทนายก

จะแนะนำพรรครวมพลังประชาชาติไทยให้แฟนข่าวเวิร์คพอยท์ฟังอย่างไร?

“น่าจะเป็นเรื่องของพรรคเราที่มีคอนเซปว่าคนธรรมดาสร้างชาติ คำพูดคำนี้ก็ไม่ได้ขึ้นมาลอย ๆ จริง ๆ พรรคเรามีคนธรรมดาเดินเข้ามาเยอะ อย่างเพชรก็อายุยังน้อย ไม่ได้เป็นลูกหลานใครในการเมือง แต่พรรคให้โอกาสให้มาทำงานการเมืองเพื่อมาช่วยกันพัฒนา มาช่วยกันปฏิรูปประเทศจริง ๆ ผู้สมัครหน้าใหม่ที่ไม่เคยทำงานการเมืองมาก่อนแต่ก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะออกมาครั้งนี้เพื่อรับใช้ประชาชน”

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า