SHARE

คัดลอกแล้ว

หลายคนอาจรู้จัก “มิตติ ติยะไพรัช” ในฐานะประธานสโมสร “เชียงราย ยูไนเต็ด” ผู้พาทีมฟุตบอลเล็กๆ จากจังหวัดเชียงรายทะยานจากดิวิชั่น 2 สู่ความสำเร็จสูงสุดในปีนี้ คว้า 3 แชมป์ฟุตบอลถ้วยในประเทศ

แต่หลังจากพาทีมประสบความสำเร็จบนสนามหญ้า “บิ๊กฮั่น” ก็หาความท้าทายใหม่ให้ตัวเอง ประกาศลงสนามการเมืองทันทีที่ไทยลีกปิดฤดูกาล โดยเข้าร่วมกับ‎พรรคไทยรักษาชาติที่มี ปรีชาพล พงษ์พานิช เป็นหัวหน้าพรรค

จากผู้บริหารทีมฟุตบอล “กว่างโซ้งมหาภัย” สู่เลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ วันนี้มิตติ ติยะไพรัช ลูกชายคนโตของยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา เสนอตัวมา “ทำให้พรรคไทยรักษาชาติเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็ง” เพื่อ “รักษาผลประโยชน์” ให้คนไทยท่ามกลางเทคโนโลยีโลกที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน

ในฐานะที่เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ การรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคคืออะไรสำหรับคุณ

มันเป็นก้าวที่สำคัญและเป็นก้าวที่ใหญ่มากสำหรับชีวิตผม ผมมาทำงานการเมืองก็ไม่ได้มาทำเล่นๆ แต่อยากจะเห็นการเมืองที่ดีขึ้นในอนาคต การที่หลายๆ คนออกมาพูดเรื่องการปฏิรูป ผมก็อยากมีส่วนในการผลักดันตรงนั้น ถึงแม้ว่าในครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งและการแข่งขันที่ยาก แต่ผมคิดว่าถ้าวันนี้หรือในการเลือกตั้งครั้งนี้ เรามีโอกาสแล้วเราไม่ออกมา ก็คงไม่ใช่ตัวเรา

ผมคิดว่ายิ่งยากยิ่งมีอุปสรรคเยอะ เรายิ่งต้องช่วย ยิ่งต้องเข้ามาสู้ร่วมกับพี่น้องประชาชน ยิ่งในฐานะกรรมการบริหารพรรคด้วยทำให้มีความเสี่ยงหลายๆ อย่าง จะเห็นจากบรรทัดฐานที่ผ่านมาแล้วว่า พอเราเป็นฝั่งตรงกันข้ามกับผู้มีอำนาจ เราก็อาจจะโดนยุบพรรค เราอาจต้องโดนแบน  ซึ่งเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของพวกผมมาหลายครั้ง ผมไม่อยากจะให้ลูกหลานหรือพี่น้องในอีก 10–20 ปีข้างหน้า ต้องติดอยู่กับขั้นตอนของรัฐธรรมนูญที่ถูกเขียนขึ้นและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

คนเข้ามาทำงานการเมืองต้องมีเรื่องที่สนใจ ตัวคุณมิตติสนใจผลักดันเรื่องไหนเป็นพิเศษ

ตัวผมเองในบริบทของเลขาธิการพรรคก็อยากที่จะทำให้พรรคนี้เป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็ง ผมอยากให้พรรคนี้เป็นพรรคที่ประชาชนมีส่วนร่วมจริงๆ เคยตั้งความหวังตั้งแต่เด็กว่าอยากเห็นไทยรักไทยเป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง แต่ก็ผ่านไปแล้ว มีอุบัติเหตุจบไปแล้ว อยากเห็นพรรคพลังประชาชนเป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง มันก็ผ่านไปแล้ว ก่อนหน้านี้ก็อยากเห็นเพื่อไทย แต่ว่าวันนี้ในเมื่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอยากให้มีพรรคมากขึ้น เราก็มองเห็นโอกาสที่จะได้ออกมาทำพรรคการเมืองเอง ในรูปแบบที่เราฝันและอยากเห็นร่วมกันกับคณะกรรมการบริหารพรรคทุกๆ ท่าน อยากจะเห็นพรรคการเมืองนี้อยู่กันอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นหลัก นี่คือส่วนที่ผมฝันที่จะเห็นจากพรรคนี้

แต่ในส่วนของนโยบาย ผมคิดว่าตัวเองมีส่วนร่วมกับทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในทุกๆ ความฝันและในทุกๆ สิ่งที่เราอยากจะเห็น มันจะออกมาหลังจากที่นโยบายออกมา

หลังจากพรรคไทยรักษาชาติเปิดตัวมา หลายคนก็จับตาแล้วว่าเป็นเครือข่ายของพรรคเพื่อไทย ที่จริงแล้วสองพรรคนี้ต่างกันอย่างไร

จริงๆ แล้วตัวพวกเราเองในส่วนของกรรมการบริหารพรรค โดยเฉพาะทางท่านหัวหน้าพรรคและตัวผม ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราเกิดมาจากครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่มีจุดเริ่มต้นอยู่แล้วในช่วงเริ่มต้นของไทยรักไทย ซึ่งไทยรักไทยนี่ก็ถูกเปลี่ยนสถานะไปอีก จากพลังประชาชนแล้วก็มาเป็นเพื่อไทย นโยบายต่างๆ ที่ทำให้กับชาวบ้าน นโยบายต่างๆ ที่ทำแล้วเกิดขึ้นได้จริงนี่เราศรัทธา แล้วเราก็ยึดถือและเติบโตมากับคอนเซ็ปต์นโยบายที่สามารถนำไปใช้แล้วเกิดประโยชน์กับชาวบ้านได้จริง อันนี้คือสิ่งที่เราถูกปลูกฝังมาจากทั้งคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้ว

แต่ในส่วนของการที่เราแยกตัวออกมานั้น ไม่ว่าจะเป็นทางหัวหน้าพรรคเองซึ่งเคยเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือกระทั่งตัวผมเองซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคครั้งแรก มาเล่นการเมืองครั้งแรกก็ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกเป็นเลขาธิการพรรคเลย ผมก็คิดว่า เราต้องการที่จะนำเสนอมุมมองและแนวทางใหม่ๆ และสิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดคือ ในวันนี้คนไทยและประเทศไทยยังไม่ได้ตระหนักพอถึงเทคโนโลยีหรือถึงสิ่งที่จะเป็นวิกฤตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลายประเทศกำลังตระหนัก แล้วก็กำลังจะได้รับผลกระทบจากการ disrupt ของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น อันนี้ก็เป็นที่มาว่าทำไมเราถึงอยากจะแยกตัวออกมาเพื่อจะทำตรงนี้โดยเฉพาะ

คำว่าไทยรักษาชาติแน่นอนเลยคือเราต้องการที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปทุกๆ วัน คนไทยต้องก้าวทัน

สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติมีลูกหลานนักการเมืองเก่าแก่มากมาย เลือกลูกหลานนักการเมืองมาจะได้อะไรเหมือนๆ เดิมหรือเปล่า

ผมคิดว่าพวกเราเองก็ตระหนัก อย่างที่เราบอกว่าเราถูกปลูกฝังมา เราไม่ปฏิเสธ เราถูกปลูกฝังมาให้นึกถึงนโยบายและสิ่งที่ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยแท้จริง อันนี้คือสิ่งที่พวกเราคิดมาตลอด และนโยบายทุกๆ อย่างที่จะเกิดขึ้นจากนี้ เราจะยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และได้รับประโยชน์จริงๆ ตกถึงมือประชาชนจริงๆ

ผมกับหัวหน้าพรรคเติบโตมาจากรากหญ้า ท่านหัวหน้าพรรคเป็นคนขอนแก่น ผมเป็นคนเชียงราย แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ได้รับรู้ถึงความต้องการของพี่น้องในกรุงเทพฯ หรือพี่น้องภาคใต้ เราได้รับรู้และมีทีมงาน มีคณะกรรมการบริหารพรรคที่มาจากครอบครัวที่หลากหลาย จากพื้นที่ที่หลากหลาย เพราะฉะนั้นเราก็มั่นใจว่าจะสามารถนำเสนอสิ่งที่แตกต่างจากพรรคเพื่อไทยหรือจากคุณพ่อคุณแม่ได้ไม่มากก็น้อย คงต้องติดตามดูผลงานของพวกเราต่อก็แล้วกัน

ที่คนกลัวที่จะเลือกลูกหลานนักการเมืองเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นการกลับไปหาระบบอุปถัมภ์แบบเดิม มีความพยายามที่จะปฏิเสธสิ่งนี้หรือเปล่า

ผมคิดว่าในส่วนของการที่เป็นระบบอุปถัมภ์ เราต้องมองจากผลงาน ในวันนี้ถ้าชาวบ้านเขายึดมั่น เขายังให้โอกาสผ่านการเลือกตั้งที่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม 100 เปอร์เซ็นต์ ผมคิดว่าก็ต้องให้โอกาสพวกเขา ต้องให้ความเชื่อมั่นกับชาวบ้านว่าเขาเลือกบุคคลเหล่านี้มาแล้วไม่ผิด ผมคิดว่าในอนาคต ถ้าโอกาสที่ชาวบ้านให้ลูกหลานนักการเมืองหรือแม้แต่ผม ให้ได้เข้ามานั่งหรือว่าได้เข้ามาบริหารประเทศแล้ว ถ้าเราทำได้ไม่ดี ครั้งต่อไปชาวบ้านก็คงไม่เลือกหรอก ผมคิดว่าชาวบ้านเองก็คงจะรู้และสัมผัสได้ และที่สำคัญคือเราก็ต้องพึ่งชาวบ้านนะครับ ไม่ใช่ชาวบ้านพึ่งเรา เราต้องพยายามทำให้ชาวบ้านได้รับประโยชน์สูงสุด จากในทุกๆ การกระทำ ในทุกๆ วิธีการที่เราสามารถที่จะทำให้เขาไว้วางใจและเลือกเราในคูหาได้

คนจดจำเพื่อไทยจากนโยบาย คนจะจดจำไทยรักษาชาติจากอะไร

วันนี้เราเองอยากจะนำเสนอในเรื่องของในโลกยุคปัจจุบันและโลกในอนาคต ทำไมในหลายๆ ประเทศเขาถึงมีการเลือกตั้งทุก 4 ปี เพราะอะไร? ผมคิดว่าเพราะในทุกๆ 4 ปี หรือแม้แต่แค่ในทุกๆ ปี เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญแนวทางในการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นระบบสังคม การศึกษา สาธารณสุข หรือว่าอะไรต่างๆ ในทุกๆ ปี หรือแม้แต่ในทุกๆ ครึ่งปี จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา เพราะฉะนั้นอย่างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ผมคิดว่าคนในยุคปัจจุบันคงไม่สามารถที่จะคาดเดาว่าในอีก 20 ปีในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง เพราะฉะนั้นทำไมถึงมีการเลือกตั้งในทุกๆ 4 ปี อันนี้ก็คือสิ่งแรกที่พวกเราอยากจะสะท้อนให้สังคมได้มองถึง

แต่ในขณะเดียวกันพวกเราก็คิดว่า ณ เวลานี้โลกมันก้าวไปเร็วเหลือเกิน หลายประเทศไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ เขาได้เอาประเด็นของการ Disrupt ของเทคโนโลยีเข้ามาเป็นประเด็นหลักแล้ว เพราะว่าในวันนี้ขนาดประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชากรบางส่วนหรือเกือบจะเป็นส่วนมากบางคนยังตามเทคโนโลยีไม่ทัน นั่นทำให้บริษัทใหญ่ๆ หรือคนจำนวนที่อาจจะไม่ถึงครึ่งของประเทศ สามารถที่จะเกาะทันเทคโนโลยีและสามารถที่จะใช้ประโยชน์ตรงนี้ ทำให้เขาได้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรายได้หรือผลประโยชน์อะไรต่างๆ ขึ้นมา ทำให้ความเหลื่อมล้ำมันมากขึ้น

ดังนั้นผมคิดว่าในวันนี้ประเทศไทย ความเหลื่อมล้ำเป็นอันดับหนึ่งระหว่างคนจนคนรวย  ถ้าอุตสาหกรรมมี 91% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือ GDP ทั้งหมด แต่ในภาคเกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีแค่ 9% เป็นผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ อันนี้ทำให้เห็นใช่ไหมครับว่าช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมันเยอะขนาดไหน ในระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับภาคเกษตรกรรม

เพราะฉะนั้นวันนี้ภาคเกษตรกรรมต้องก้าวทัน อย่างน้อยๆ เราต้องพยายามให้สัดส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศสำหรับภาคเกษตรกรรมมันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ดังนั้นผมคิดว่าพรรคไทยรักษาชาติเอง พวกเราเองในฐานะคนรุ่นใหม่กับผู้มีประสบการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ ได้มานั่งคุยกันและเห็นว่าตรงนี้มันคือสิ่งที่เราต้องแก้ปัญหาก่อนเป็นอันดับแรก และเราต้องรักษาประเทศไทยไว้ให้ก้าวทันเทคโนโลยี

หมายความว่าไทยรักษาชาติยังมีฐานอยู่ที่เกษตรกร แต่ก้าวไกลกว่าเพื่อไทย?

ผมคิดว่ามันต้องอยู่ที่ผลงานด้วย วันนี้ผมอาจจะพูดได้ แต่ถ้านโยบายมันไม่ใช่ หรือถ้าคนส่วนใหญ่ไม่ตอบสนอง ผมคิดว่าก็คงจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ผมคงไม่พูดถึงพรรคเพื่อไทย เพราะวันนี้ผมกับพรรคเพื่อไทยเราอยู่กันคนละพรรคแล้ว วันนี้ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ในฐานะเลขาธิการพรรค ผมพยายามที่จะทำงานร่วมกับทางประธานยุทธศาสตร์และผู้มีประสบการณ์เพื่อทำให้สิ่งที่ผมพูดเกิดขึ้นได้จริง และผมก็เชื่อว่าเราทำได้ ถ้าเราใส่ใจและพยายามรับข้อเสนอแนะจากชาวบ้านด้วย ซึ่งเรากำลังจะเริ่มทำแล้ว

ด้วยความที่กลุ่มเป้าหมายใกล้เคียงกัน ไทยรักษาชาติจะดึงคะแนนเสียงอย่างไรเมื่อต้องประกบกับเพื่อไทย 

ตั้งแต่เราเริ่มต้นพรรคมาตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน พวกเราก็ทำงานกันอย่างหนักที่จะหาผู้สมัครที่ตรงกับบุคลิกของพรรคและตรงกับความต้องการที่จะสื่อไปถึงชาวบ้านให้มากที่สุด วันนี้เราได้รับการตอบรับจากผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัครจากทุกๆ จังหวัดทั่วประเทศ แต่ผมคิดว่าเราก็คงต้องคัดเลือกผู้สมัครที่ตรงกับแนวคิดของพรรคเรามากที่สุด สำหรับเพื่อไทยนั้นเราไม่ทราบจริงๆ ว่าเขาจะส่งใคร ไม่ส่งใคร ตรงไหน แต่ผมคิดว่าเราเองก็จะพยายามส่งผู้สมัครลงให้ได้มากที่สุด

จะไม่มีการหลบเขตกันแน่นอน?

ผมคิดว่าคงห้ามความคิดใครไม่ได้ บางครั้งบางเขตเราอาจจะพร้อม หรือถ้าเพื่อไทยพร้อม ผมคิดว่ามันก็ต้องส่งแข่งกัน เราต้องพยายามทำให้พรรคไทยรักษาชาติมีพื้นที่ ส.ส. มีที่นั่ง ส.ส. ให้ได้เยอะที่สุดอยู่แล้ว นี่คือหน้าที่ของทั้งหัวหน้าพรรคและตัวผมเองในฐานะเลขาธิการพรรค

มาพูดเรื่องนโยบายบ้าง ไทยรักษาชาติเตรียมชูนโยบายอะไรบ้าง

สิ่งแรกเลยที่พวกเราได้รับทราบมาก็คือ วันนี้พี่น้องทั่วประเทศทุกคนมีปัญหาที่สุดก็คือเรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ รองลงมาก็คือเรื่องของยาเสพติด ซึ่งวันนี้ยาเสพติดกระจายแพร่หลายเยอะขึ้นมาในอัตราที่น่ากลัว ดังนั้นเรามองสองเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักที่จะเร่งแก้ปัญหาในระยะสั้นให้ได้ก่อน หลังจากนั้นผมคิดว่านโยบายในด้านต่างๆ กำลังออกมา  ตอนนี้ทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์ โดยท่านประธานและคณะกรรมการอีก 5 ด้าน กำลังเร่งสรุปนโยบายที่จะทำให้พี่น้องได้รับทราบและได้เห็นถึงความตั้งใจของพวกเรา แต่ขออนุญาตเรียนคร่าวๆ ก่อนว่าสิ่งที่เราตั้งใจจะเร่งแก้ไขปัญหาก็คือเศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องแรก รองลงมาคือเรื่องยาเสพติด

ตอนต้นของการสัมภาษณ์คุณมิตติพูดเรื่องการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อยากให้ขยายความ

อย่างที่ได้เรียนเรื่องของผลิตภัณฑ์มวลรวมที่ 90% เป็นเรื่องของอุตสาหกรรม อีก 9% เป็นของภาคเกษตรกรรม สิ่งเหล่านี้เทคโนโลยีช่วยได้ โดยเราต้องทำให้เกษตรกรสามารถที่จะมีสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเพิ่มขึ้นให้ได้ ผมคิดว่าจะต้องทำทั้งในเรื่องของการสร้างให้เกษตรกรได้มีการตลาดที่มีความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหาผู้ซื้อที่ตรงกับความต้องการจริงๆ อันนี้เทคโนโลยีช่วยได้

มีนโยบายด้านอื่นอีกไหมที่อยากแก้ปัญหาเป็นอันดับต้นๆ 

            ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องนโยบายที่สามารถต่อยอดได้จากความสำเร็จในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค เรื่องกองทุนหมู่บ้าน ไม่ได้หมายความว่าจะไปลอกมา แต่ว่าเราก็คงอยากจะต่อยอดโดยใช้ความรู้และเทคโนโลยีที่เราคิดว่าจะสามารถลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสให้คนเข้าถึงได้มากขึ้น

ยกตัวอย่าง 30 บาทรักษาทุกโรค เราจะทำอย่างไรให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสะดวกสบายแก่ทั้งแพทย์และพยาบาล ให้ความสะดวกสบายในการเข้าถึง ลดขั้นตอนในการที่จะได้รับการรักษาให้น้อยลงโดยใช้เทคโนโลยี เราสามารถใช้เทคโนโลยีในด้านต่างๆ เช่น ถ้าพูดในภาษาฟุตบอลจะเรียกว่าการใช้เทคโนโลยีในการฟื้นฟูสมรรถนะของกล้ามเนื้อเข้ามาเพื่อลดการใช้ยาลง ตรงนี้จะเป็นการลดภาระของประเทศไทยที่เราจะต้องไปลงทุนเรื่องยา

นอกจากเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคก็จะมีในเรื่องของการทำให้ SMEs เข้มแข็ง ผมคิดว่ากองทุนหมู่บ้านต้องต่อยอด แล้วต้องพยายามที่จะทำให้เงินจากแหล่งกู้ เช่นจากธนาคารเอง ได้ไหลลงสู่ตัว SMEs มากขึ้น ตรงนี้คือสิ่งที่ผมคิดว่าจะช่วยเศรษฐกิจได้ในระยะเวลา 1-2 ปี ถ้ารัฐบาลเปลี่ยนได้ ผมคิดว่าตรงนี้ชาวบ้านจะสามารถจับต้องได้จริงๆ

คิดยังไงกับบัตรคนจน?

ผมคิดว่าในส่วนของบัตรคนจน ถ้าตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีแล้ว แม้แต่กฎหมายหรืออะไรในอนาคตก็ไม่ได้รองรับ อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ว่ามันจะทำได้ต่อเนื่องไหม เพราะแม้แต่รัฐบาลในขณะนี้ก็ยังไม่ได้พูดว่าหลังจากที่ได้รับเลือกในฐานะเป็นพรรคพลังประชารัฐแล้วจะสามารถทำต่อได้ไหม อันนี้เขาแค่ทำในช่วงนี้เท่านั้น 3 ปีผ่านมาก็ไม่ได้ทำ มาทำในช่วงนี้ ก็ตั้งเป็นข้อสังเกตแล้วกันว่านี่เป็นการหาเสียงเพื่อชัยชนะของพรรคๆ หนึ่งหรือไม่

หลายๆ อย่างในการเลือกตั้งครั้งนี้เริ่มชัดเจนขึ้น ทั้งการแบ่งเขตและบัตรเลือกตั้ง ไทยรักษาชาติมีความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งนี้แค่ไหน?

ผมคิดว่าวันนี้รัฐบาลเองในฐานะที่เป็นกรรมการ ถ้าสามารถขจัดข้อครหาเหล่านี้ได้ด้วยอำนาจที่มีอยู่ สามารถที่จะแก้ไขในสิ่งที่สังคมกำลังวิพากษ์อยู่ได้ ณ ขณะนี้ ผมคิดว่าก็จะเป็นเส้นทางที่ดีที่จะทำให้เกิดความยุติธรรมและความโปร่งใสมากขึ้น เพราะถ้าวันนี้การเลือกตั้งไม่โปร่งใสและไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม เราจะตอบสังคมโลกอย่างไร นี่คือสิ่งแรก

สิ่งที่สองคือมันจะเป็นเหตุผลหลักที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งในอนาคตหรือไม่ จะทำให้มีการชุมนุม ทำให้ประเทศเราเข้าสู่วิกฤตการชุมนุมหรือไม่ อันนี้คือสิ่งที่ผมคิดว่าอยากเรียกร้องให้อย่างน้อยๆ ทางรัฐบาลหรือว่าในทุกๆ ภาคส่วนได้ตระหนักตรงนี้ด้วย ผมคิดว่าถ้าทุกๆ อย่างมันเป็นไปด้วยความยุติธรรม ทุกอย่างก็จะเป็นไปได้ด้วยดีครับแล้วก็จะไม่เกิดวิกฤตในอนาคต

ยังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งจะเป็นธรรมหรือไม่ พรรคไทยรักษาชาติจะมีท่าทีอย่างไร?

ในทุกๆ กติกาที่ทาง กกต. ได้กำหนดขึ้นมาตามบทรัฐธรรมนูญ เราพร้อมสู้ในทุกกติกา อย่างกติกาล่าสุดที่ถูกเปลี่ยนไปก็คือในส่วนของการแบ่งเขตการเลือกตั้ง ตรงนี้ถึงแม้เราจะเสียประโยชน์ ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยจากการแบ่งเขตเลือกตั้งในครั้งล่าสุด แต่เราก็พร้อมสู้ เราคิดว่าวันนี้อย่างน้อยๆ ประเทศไทยยังพอเห็นแสงสว่างอยู่บ้าง เราก็ต้องสู้ในทุกๆ กติกา หลังจากนั้นถ้าการเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็คงจะยอมรับในทุกๆ ผลการเลือกตั้งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะแพ้ไม่ว่าจะชนะ นั่นคือสิ่งที่ประชาชนคิดเห็น ประชาชนได้ออกมาแสดงให้เห็นแล้ว

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า