งานฉลองวันชาติลิทัวเนีย กระชับสัมพันธ์ไทย-ลิทัวเนีย ร่วมมือการค้า-การลงทุนในอนาคต

กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลิทัวเนียฯ กระชับสัมพันธ์ไทย-ลิทัวเนีย จัดงานฉลองวันชาติลิทัวเนีย พร้อมมองโอกาสการค้า-การลงทุนร่วมกันของสองประเทศในอนาคต

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐลิทัวเนียประจำกรุงเทพฯ จัดงานเลี้ยงรับรองเพื่อร่วมเฉลิมฉลองและระลึกถึงวันประกาศอิสรภาพของประเทศสาธารณรัฐลิทัวเนีย ซึ่งเวียนมาครบรอบอีกครั้งหนึ่งเป็นปีที่ 29 รวมทั้งวันก่อตั้งรัฐลิทัวเนียครบรอบ 101 ปี โดยงานจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก และจัดสัมมนาหัวข้อเกี่ยวกับการท่องเที่ยวประเทศสาธารณรัฐลิทัวเนีย เมื่อวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา

น้ำแข็งแกะสลักโลโก้ลิทัวเนีย

ภายในงานยังได้นำภาพวาดวรรณกรรมนิทานเด็กร่วมสมัยของประเทศลิทัวเนีย ซึ่งเป็นผลงานวรรณกรรมสำหรับเด็กที่ดีที่สุดของลิทัวเนีย รวมถึงภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและสถานที่สำคัญของสาธารณรัฐลิทัวเนียมาจัดแสดงด้วย

ภาพวาดวรรณกรรมนิทานเด็กร่วมสมัยของประเทศลิทัวเนีย

ภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญของลิทัวเนีย

โดย นางนวลพรรณ ล่ำซำ ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ตนได้รับเกียรติโดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ของลิทัวเนียประจำประเทศไทย เป็นเวลา 5 ปีแล้ว ซึ่งลิทัวเนียเป็นประเทศที่แยกออกมาจากสหภาพโซเวียต และเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งทะเลบอลติก” เนื่องจากยังมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สมบูรณ์อยู่มาก เหมาะแก่การท่องเที่ยว อีกทั้งมีจำนวนประชากรอยู่เพียง 2.9 ล้านคน หากแต่สามารถดูแลประเทศได้เป็นอย่างดี

นางนวลพรรณ ล่ำซำ

“ในฐานะที่เป็นกงสุลของลิทัวเนีย มองว่าไทยและลิทัวเนียน่าจะเกิดความร่วมมือกันได้ ไม่ว่าจะในเชิงการลงทุน การค้า หรือการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มมีบริษัทไทยขนาดใหญ่ไปลงทุนในลิทัวเนียแล้ว ในขณะเดียวกันคนลิทัวเนียเอง แม้จะมีประชากรน้อยกว่า 3 ล้านคน แต่เมื่อปีที่แล้วก็มาเที่ยวประเทศไทยเกือบ 1.3 หมื่นคน ในขณะที่คนไทยยังไปเที่ยวลิทัวเนียในจำนวนที่น้อยอยู่ หากได้ไปต้องไม่พลาดซื้ออำพัน ซึ่งเป็นที่ลือชื่อของลิทัวเนีย อีกทั้งตอนนี้ลิทัวเนียก็อยากให้มีร้านอาหารไทยไปเปิดที่ประเทศเขา แป้งว่าเป็นโอกาสดีหากคนไทยจะไปเปิด เพราะอาหารไทยก็เป็นที่ทราบกันว่าเป็นที่เรียกร้องของทั่วโลก มองว่ายังมีสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นได้อีกมากมายในอนาคต”

อินา มาซิโลนิเต

ทางด้าน อินา มาซิโลนิเต เอกอัครราชทูตลิทัวเนียประจำประเทศไทย จีน เมียนมา เกาหลี มองโกเลีย และเวียดนาม ซึ่งมีถิ่นพำนักอยู่ที่กรุงปักกิ่ง ได้กล่าวแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สำคัญๆ รวมทั้ง เศรษฐกิจ ศิลปวัฒนธรรม และข้อมูลเกี่ยวกับสาธารณรัฐลิทัวเนีย ฯลฯ พร้อมตอบข้อซักถามให้แก่นักลุงทุนด้านธุรกิจท่องเที่ยวอย่างเป็นกันเอง

โดยท่านทูตกล่าวถึงสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญหลักๆ อาทิ Vilnius ที่สร้างด้วยผังเมืองในยุคกลาง ภูมิทัศน์ของเมืองแบบ Baroque และถนนหินกรวดเป็นใจกลางเมืองหลวงของลิทัวเนีย ดินแดนแห่งป่าไม้และลำน้ำ ล้อมรอบด้วยสนามหญ้า ถนนที่ปูด้วยหินและโบสถ์บาร็อค เป็นภาพเคลื่อนไหวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ในทุกฤดูกาลของปีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดคือ ชายฝั่งทะเลบอลติกที่สวยงามอย่างยิ่ง รวมทั้ง Trakai Castle ซึ่ง ทราไก เป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศลิทัวเนียก่อนเมืองวิลนีอุส เมืองแห่งปราสาทและทะเลสาบที่แท้จริง เป็นเมืองเล็กๆ แต่มีทะเลสาบมากถึง 200 แห่ง

อีกหนึ่งความโดดเด่น คือ ปราสาท และอาคารบ้านเรือนสไตล์คาเรม (Karkim) แบบบ้านชั้นเดียวมีห้องใต้หลังคา ทาสีสันสดใสสะดุดตา ซึ่งเป็นแบบบ้านโบราณที่รัฐบาลลิทัวเนียอนุรักษ์เอาไว้ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมีอยู่หลายแห่ง ปราสาททราไกซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทีสวยงามและโรแมนติกที่สุดในลิทัวเนียเลยทีเดียว และอีกหนึ่งสถานที่สำคัญ คือ The Hills of Crosses สุสานไม้กางเขน Hill Of Crosses อยู่ที่เมือง Siauliai เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิค

ท่านทูตยังได้กล่าวกับสื่อมวลชนด้วยว่า สิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้คือ ลิทัวเนียเป็นประเทศที่มีความเจริญทางด้านการแพทย์และทางด้านเลเซอร์ รวมทั้งเทคโนโลยีต่างๆ เป็น TOP 20 ของโลก นอกจากนี้ ลิทัวเนียยังเป็นประเทศที่ส่งเสริมด้านความรู้และจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กอีกด้วย

​นางนวลพรรณ ล่ำซำ กล่าวตอนท้ายว่า หวังว่าประเทศสาธารณรัฐลิทัวเนีย จะเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามองและน่าสนใจ สำหรับนักธุรกิจ นักลงทุน และบริษัทผู้นำเข้าส่งออกสินค้า ไทย-ลิทัวเนีย และนักลงทุนไทยในลิทัวเนีย รวมถึงบริษัทด้านธุรกิจท่องเที่ยว หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวที่อยากเดินทางไปเปิดประสบการณ์ในสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ซึ่งลิทัวเนียเป็นประเทศที่มีมนต์เสน่ห์และน่าหลงใหลอีกหนึ่งประเทศในโลกเลยทีเดียว