ประเด็นคือ – จับปรับ นทท.จีน หลังเที่ยวเกาะหลีเป๊ะ แล้วมีพฤติกรรมเหยียบย่ำปะการัง และจับหอยเม่น ปลานีโม่ ดอกไม้ทะเลต้องห้าม นักอนุรักษ์วอนหน่วยงานเร่งแก้ปัญหา หลังพบ นทท. ขาดความเข้าใจ
วันที่ 16 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าหาดซันไรซ์ เกาะหลีเป๊ะ หมู่ที่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล อาสาสมัครอุทยานแห่งชาติตะรุเตาได้บันทึกภาพการกระทำผิดของกลุ่มทัวร์นักท่องเที่ยวจีน ที่มีพฤติกรรมปฏิบัติตัวฝืนกฎข้อห้ามการหยิบเม่นทะเล การใช้มือแหย่ดอกไม้ทะเล การพายเรือคายัคแนวปะการังในช่วงที่มีน้ำลด การดำน้ำตื้นขณะน้ำลดจนมีการเหยียบย่ำปะการังจนแตกหัก การหยิบจับปะการัง หรือแม้กระทั่งมีการหยิบปลาดาวกลับไปไว้ที่หัวนอนขณะมาพักผ่อนบนเกาะหลีเป๊ะ
ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พบบ่อยครั้ง แม้จะมีการติดแผ่นป้ายเตือน และบางรายถูกจับปรับเพื่อเป็นการลงโทษ แต่กลับพบว่าทัวร์นักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ กลับไม่ใส่ใจและพยายามถกเถียงจนสร้างความเสียหายให้ทรัพยากรของท้องทะเลบนเกาะหลีเป๊ะเป็นอย่างมาก
นายนันทพล เด็นเบ็น รองประธานกลุ่มรีฟกาเดี้ยน จ.สตูล ยอมรับว่า ทัวร์นักท่องเที่ยวจีนที่แห่ลงท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีนี้ สร้างงานและรายได้ให้พื้นที่ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทัวร์จีนที่มีมากถึงร้อยละ 70 นี้ ก็สร้างความเสียหายให้ทรัพยากรทางธรรมชาติของทะเลสตูลไม่น้อย โดยเฉพาะพฤติกรรมที่ไร้กฎกติกาในการเยือนและท่องเที่ยว มักกระทำในสิ่งต้องห้าม ซึ่งเห็นว่ามาจากผลการไม่เลือกใช้มัคคุเทศก์ทางทะเลในการแนะนำตลอดการท่องเที่ยวทางทะเล และใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการประหยัดค่าใช้จ่าย จนทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากร ซึ่งเทียบมูลค่ากับการเดินทางเข้ามาได้
รองประธานกลุ่มรีฟกาเดี้ยน จ.สตูล กล่าวด้วยว่า ปัญหาทัวร์นักท่องเที่ยวจีนดำแล้วจมน้ำเสียชีวิตก็มีให้เห็นบ่อย เพราะขาดความรู้และการเตรียมตัวเองก่อนลงน้ำ การดำน้ำว่ายน้ำในจุดต้องห้าม รวมทั้งความรู้ในเรื่องการปฏิบัติที่ไม่เป็นภัยต่อทรัพยากรท้องทะเล อย่างปลานีโม่ การเหยียบย่ำปะการังโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การให้อาหารปลา ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ต้องให้ความรู้ และคำชี้แนะตลอดทริปการท่องเที่ยวที่มัคคุเทศก์จะช่วยได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องฝากไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในจังหวัด อย่างการท่องเที่ยวและกีฬา ในการหามาตรการควบคุมบังคับ รวมทั้งตำรวจการท่องเที่ยวหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันดูแล ไม่ใช่ปล่อยให้นักอนุรักษ์แค่คอยตักเตือนอย่างเดียว เพราะไม่มีอำนาจในการจับปรับ