จับหนุ่มเดนมาร์กเปิดเว็บไซต์หลอก นทท.จองที่พักผ่านเน็ต

ประเด็นคือ – ตร.ท่องเที่ยวจับกุมชายชาวเดนมาร์กร่วมกับหญิงไทย  เปิดเว็บไซต์หลอกนักท่องเที่ยวจองที่พัก พบทำมานานกว่า 2 ปี เสียหาย 20 ล้านบาท

วันที่ 18 ตุลาคม 2560 ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับตำรวจ สน.ห้วยขวาง จับกุม Mr.Jocob Holm Schultz สัญชาติเดนมาร์ก ตามหมายจับศาลอาญาข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หลังกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากว่า ได้ทำการจองโรงแรมในประเทศไทยผ่านเว็บไซต์ www.vacasianhotel.com  แต่เมื่อเดินทางมาถึงในประเทศไทยแล้ว ไม่สามารถเข้าพักตามที่จองไว้ได้  โดยโรงแรมและที่พักต่างๆ จะแจ้งว่า ไม่มีการจองจากเว็บไซด์ดังกล่าวเข้ามาในระบบห้องพัก เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวต้องชำระเงินให้ทางที่พักอีกครั้งหนึ่ง หรือต้องหาที่พักที่อื่นในกรณีที่โรงแรมในขณะนั้นถูกจองเต็มแล้วจนได้รับความเสียหายและกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทย

กระทั่งเจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่า เว็บไซต์ดังกล่าว มีการจดทะเบียนโดยใช้ชื่อบริษัท ซีเคียว ซิสเต็ม จำกัด และได้ใช้บริการโอนเงินจากต่างประเทศผ่านบริษัทตัวกลางที่ทำหน้าที่เป็น Payment Gateway ในประเทศไทย เมื่อนักท่องเที่ยวได้จองเว็บไซด์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และมีการชำระเงินล่วงหน้าผ่านบัตรเครดิตแล้ว จะมีการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านระบบ Payment Gateway เข้ามายังบัญชีภายในประเทศไทย โดยใช้ชื่อคนไทยเป็นคนรับเงินค่าที่พัก และไม่นำเงินจำนวนดังกล่าวไปชำระที่พักให้กับนักท่องเที่ยว และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า เงินจำนวนดังกล่าวได้โอนต่อมาที่ผู้ต้องหา มีนักท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจำนวนกว่า 400 ราย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบผู้ต้องหาทำมาแล้วนานกว่า 2 ปี มีมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท มีผู้หญิงไทยเป็นเจ้าของบัญชีก่อนโอนเงินต่อให้กับผู้ต้องหา สำหรับเว็บไซต์ดังกล่าวพบว่ามีการปิดไปแล้ว ทั้งนี้จะประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หลังดำเนินคดีแล้วจะผลักดันออกนอกประเทศและให้ขึ้นบัญชีดำไว้เพื่อไม่ให้เข้ามาในประเทศไทยอีก จึงอยากขอให้ประชาชนตรวจสอบให้ละเอียดก่อนจองที่พัก หรือตั๋วเครื่องบินที่มีราคาถูก เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง รวมถึงผู้ประกอบการหากยังไม่เลิกการกระทำดังกล่าวจะถูกจับกุมดำเนินคดี