SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเด็นคือ – จิตแพทย์โพสต์ข้อคิด ความเข้มแข็งทางใจของ “โป๊ป ธนวรรธน์” ขณะคุณแม่คนหนึ่งแสดงความเห็นรู้สึกติดในใจต่อการกระทำของนักแสดงหนุ่ม โดยคุณหมอมีคำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกสาวไว้ด้วย

จากเรื่องราวที่กลายเป็นประเด็นร้อน กรณีมีภาพและแชตหลุดของนักแสดงหนุ่ม โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ที่ไดเรกต์ไลน์หาสาวๆ โดยเจ้าตัวได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้น และได้ใจแฟนๆ ไปไม่น้อย นั้น

ล่าสุด พญ.เบญจพร ตันตสูติ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ หรือ หมอมินบานเย็น แห่งเฟซบุ๊กแฟนเพจ “เข็นเด็กขึ้นภูเขา” ก็ได้โพสต์ข้อความที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า…

#ว่าด้วยความเข้มแข็งทางใจของพี่โป๊ป

มีคนทักว่าช่วงนี้หมอเขียนเกี่ยวกับพี่โป๊ปและละครบุพเพสันนิวาสบ่อยๆ ก็ขอยอมรับตามตรงกับทุกคนว่า หมอเป็นแฟนคลับพี่โป๊ปมาตั้งแต่ครั้งแรกได้ดูพี่โป๊ปเล่นเป็น ‘คุณชายปวรรุจ’ ในละครซีรีส์สุภาพบุรุษจุฑาเทพ จำได้ว่าตอนนั้นยังไม่ได้เริ่มต้นเขียนเพจเลยค่ะ

นอกจากชื่นชอบผลงาน ก็ติดตามประวัติการเป็นนักแสดงที่ผ่านมาของพี่โป๊ป เหมือนที่เขียนบทความลงเพจเมื่อวันก่อน

ในวันนี้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วพระนคร ท่ามกลางข่าวดีๆ ก็มีข่าวที่ไม่ดีปะปนกันไป ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา มีข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เกี่ยวกับพี่โป๊ปเรื่องที่ผ่านมาในอดีต จนมาถึงวันนี้ทุกคนทราบกันแล้วว่ามีทั้งเรื่องจริงบ้างและไม่จริงเป็นส่วนใหญ่ปะปนกันไป

หมอเองก็ติดตามข่าวนี้และได้ฟังที่พี่โป๊ปให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับข่าว รู้สึกประทับใจกับคำตอบของพี่โป๊ป ขออนุญาตนำมาเขียนแบ่งปันให้อ่านกัน คิดว่ามีข้อคิดดีๆ ที่นำมาปรับใช้ได้ในชีวิตคนเรา

เพราะในชีวิตคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ย่อมต้องเคยมีอุปสรรคมากระทบ เรื่องนี้ของพี่โป๊ปก็คล้ายๆ กับเด็กคนหนึ่งที่ถูกแกล้งในโรงเรียน วันหนึ่งเด็กที่ทำดีมาตลอดถูกปล่อยข่าวนินทาว่าทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม แม้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่การถูกแฉ ปล่อยข่าวป้ายสี ก็ทำให้เกิดความรู้สึกแย่ๆ ขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เด็กบางคนที่ถูกแกล้งถึงกับเครียดมากจนกลายเป็นวิตกกังวล ซึมเศร้า อย่างที่เราเคยเห็นข่าวว่า เด็กที่ถูกแกล้งในโรงเรียนบางคนทำร้ายตัวเอง ฆ่าตัวตาย แต่ขณะเดียวกันเด็กหลายๆ คน ก็สามารถผ่านพ้นมรสุมชีวิตของการถูกแกล้งไปได้

 

แล้วปัจจัยอะไรล่ะ ที่ทำให้เด็กหรือคนคนหนึ่งผ่านพ้นเรื่องร้ายๆ ไปได้ คำตอบคือ ความเข้มแข็งทางจิตใจ’

มีข้อคิดในเรื่องของความเข้มแข็งทางจิตใจของพี่โป๊ป จากคำพูดที่พี่โป๊ปตอบนักข่าวเรื่องนี้ หมออยากจะแยกให้เห็นเป็นประเด็นๆ ไป ตรงนี้ผู้ใหญ่สามารถนำมาสอนเด็กๆ ได้ด้วย

  1. Perfection is impossible มนุษย์ทุกคนไม่มีใครดีเลิศ และนั่นเป็นเรื่องธรรมดา สำคัญที่สุดคือต้องไม่หลอกตัวเองและคนอื่น พี่โป๊ปบอกว่า เขาก็เป็นคนธรรมดา เคยมีคนที่เคยคบด้วย เคยเลิกกัน เขาไม่ได้บังคับหรือหลอกใครในความสัมพันธ์ที่ผ่านมา
  2. เราควบคุมการกระทำของตัวเราเองได้ แต่ไม่สามารถควบคุมคนอื่นได้ พี่โป๊ปบอกว่า ทุกอย่างเป็นธรรมชาติที่เราบังคับจิตใจใครไม่ได้ เขาไม่ได้อยากรู้ว่าคนที่ปล่อยข่าวทำไปทำไม เรื่องบางเรื่องเราคงต้องปล่อยวางและให้อภัย ในข่าวจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงในส่วนไหน เขาไม่ใส่ใจ มองผ่านๆ ไป ทำหน้าที่ของเราต่อไป
  3. ปล่อยวาง ยอมรับธรรมชาติของชีวิต และเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ชอบมากในประโยคหนึ่งที่พี่โป๊ปบอกว่า ทุกอย่างเป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว เราเปลี่ยนอะไรไม่ได้ ถ้ายอมรับและเข้าใจธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ เราจะจัดการและผ่านมันไปได้ ไม่มีอะไรยากเกินกว่านั้น
  4. คนที่ทำไม่ดีกับคนอื่น จริงๆ แล้วเขาคงมีความทุกข์ ถ้าไม่ทุกข์ก็คงไม่ทำร้ายใคร หมอเห็นด้วยกับพี่โป๊ปในเรื่องนี้ และจากการที่ได้คุยกับเด็กๆ หลายคนที่ไปแกล้งเพื่อน ลึกๆ เด็กเหล่านั้นก็มีความทุกข์หรือปมอะไรสักอย่าง เช่น เป็นเด็กที่ไม่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง อยากให้คนอื่นสนใจ จริงๆ ก็น่าสงสาร หากคิดเสียว่า คนที่กระทำไม่ดีเหล่านั้นเขาต้องการความช่วยเหลือ ก็อาจทำให้ความหงุดหงิดใจของคนที่ถูกกระทำเบาบางลงไปได้
  5. ในเรื่องร้ายๆ บางทีก็มีอะไรดีๆ อยู่บ้าง พี่โป๊ปบอกว่า การที่เป็นผู้ชายมีเรื่องผู้หญิง อย่างน้อยก็ทำให้สังคมไม่เข้าใจผิดว่าเขาชอบผู้ชาย เพราะที่ผ่านมามีคนถามเรื่องนี้กันมาก ก็ถือว่าเป็นมุมมองแง่บวกของพี่โป๊ปในเรื่องนี้
  6. กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญในวันที่ชีวิตมีอุปสรรค พี่โป๊ปบอกว่า ทั้งแฟนคลับ คุณแม่ พี่สาว ทุกคนรอบข้างให้กำลังใจเขาในเรื่องนี้ จากข่าวทำให้เขารู้สึกเครียดระดับหนึ่ง แต่กำลังใจที่ได้ทำให้ผ่านไปได้ ซึ่งก็แน่นอน แม้ในวันที่โลกรอบข้างร้ายกาจกับเราเพียงไหน ถ้าคนที่เรารักและไว้ใจมีความเชื่อมั่นให้กำลังใจเรา อย่างไรก็จะผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้
  7. การมีสติในการใช้ชีวิต มีอยู่ตอนหนึ่งที่พี่โป๊ปพูดถึงการมีสติ เพราะการกระทำที่เกิดขึ้นเราย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้หรอก ซึ่งหมอก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชนซึ่งยังค่อนข้างหุนหันพลันแล่นอยู่มาก

‪กล่าวโดยสรุป ความเข้มแข็งทางจิตใจ’ หมายถึง การที่คนคนหนึ่งสามารถยอมรับตัวตนทั้งข้อดีและข้อบกพร่อง รักที่ตัวเองเป็นแบบนั้นได้ จริงใจต่อตัวเอง ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ และเมื่อถึงเวลาก็สามารถมีสติ ควบคุมการกระทำของตัวเองอย่างเหมาะสม ไม่ทำตามใจตัวเองไปเสียหมด ‪ซึ่งเป็นสิ่งที่หมอได้เห็นจากพี่โป๊ปในวันนี้ และเชื่อมั่นว่าพี่โป๊ปจะผ่านเรื่องราวครั้งนี้ หรือครั้งไหนๆ ไปได้ด้วยดีค่ะ

เครดิตรูปประกอบ: รูปพี่โป๊ปกับคุณแม่ (คนสำคัญที่ทำให้พี่โป๊ปมีความเข้มแข็งทางใจเช่นในทุกวันนี้) มาจาก IG ของพี่โป๊ป ลงไว้เมื่อราวสี่ปีก่อนค่ะ”

ภาพจาก zubzib.com

และแน่นอนว่า เมื่อโพสต์ดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ ย่อมมีทั้งคนที่เห็นด้วย และคนที่คิดต่าง ซึ่งมีคอมเมนต์หนึ่งที่แสดงความคิดเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า…

“อ่านแล้วชอบที่คุณหมอเขียนค่ะ…ส่วนตัวแล้วชอบการแสดงโป๊บในบทของคุณพี่หมื่น แต่ก็ไม่ได้เป็นแฟนคลับตัวจริงของโป๊บขนาดนั้น เลยอาจมีบางประเด็นที่ติดในใจนิดๆ ตอนโป๊บสัมภาษณ์

ตรงที่โป๊บบอกว่า “ไม่ได้หลอกลวงใคร” ….คือถ้าเรามีใจเป็นกลาง การที่โป๊บทัก chat สาวๆ ไปทั่ว และสุดท้ายมีอะไรกัน จริงอยู่ว่าสาวๆ เองก็ยินยอมพร้อมใจด้วย….แต่ถ้าเรามองให้ลึกลงไป นั่นเพราะโป๊บเองก็มีเจตนาบางอย่าง hidden อยู่แล้วแต่แรกมั้ยคะ….คือไม่งั้นคงไม่มีข่าวออกมากับผู้หญิงที่โดนแบบนี้หลายคนมากมาย…คุณหมอคิดว่าไงบ้างคะกับประเด็นนี้

แถมโป๊บมีสัมภาษณ์วันนี้ด้วยว่า ถ้าหากมีไลน์หลุดอีก….โป๊บก็จะเลิกคุยกับผู้หญิงคนนั้นไป ….แต่นักข่าวหลายๆ สำนักวันนี้ ไม่ได้ลงประเด็นนี้ กลับลงประเด็นว่าโป๊บเป็นคนดี คนจริง เน้นสื่อไปในทางที่โป๊บเสียใจที่ตัวเองไม่ดีพร้อมมากกว่า…คำสัมภาษณ์ในช่วงท้ายๆ ของโป๊บวันนี้เลยไม่ตีแผ่ออกมา….ซึ่งคำสัมภาษณ์นี้ของโป๊บ ส่วนตัวรู้สึกว่า มันพิกลๆ อยู่…เรากำลังส่งเสริมค่านิยมให้ดาราสามารถชวนใครก็ได้ที่ยินยอมพร้อมใจไปกินด้วยกันเงียบๆ และไม่ผิดรึเปล่าคะ (แม้ว่าฝ่ายหญิงอาจเต็มใจก็ตาม)…..คุณหมอคิดอย่างไรบ้างคะกับคำพูดนี้ของโป๊บ ? อยากฟังความเห็นคุณหมอค่ะ

และแปลกมาก ที่พอข่าวออกมา ผู้หญิงแฟนคลับหลายๆ คนกลับเขียนเมนต์ให้กำลังใจโป๊บทำนองว่า “อยากให้โป๊บมากินหนูแทน รับรองจะไม่มีแชตหลุด”

ในฐานะแม่คนนึง เรากลับรู้สึกว่า สังคมเดี๋ยวนี้บางทีคนก็แยกแยะไม่ออกว่าอะไรผิดรึถูก….ทุกอย่างเราตัดสินตามกระแส และความพอใจชื่นชอบของตัวเอง….ตลอดจนหลายคนถูกภาพพี่หมื่นแสนดีในละครบังความจริงไว้ว่า โป๊บตัวจริงก็มีหลายด้านหลายมุมที่เป็นอีกด้านนึงที่เป็นคนธรรมดา ไม่ได้ดีพร้อมขนาดนั้น

คือถ้าเกิดข่าวนี้ขึ้นกับดาราที่ไม่ดัง หรือกับโป๊บตอนที่ไม่ดัง รับรองโป๊บคงโดนด่าเพียบแน่ๆ”

โดยคุณหมอได้แสดงความคิดเห็นตอบไปว่า “มีหลายคนสงสัยถามกันมา มีบางประเด็นที่หมอจะพูดเพิ่มเติมนะคะ อย่างเช่น นอกจากสิ่งดีๆ ที่เห็น เราจะสอนเด็กอย่างไรในเรื่องพี่โป๊ป สิ่งที่เขาทำมีอะไรที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ แล้วแบบนี้เด็กๆ จะเลียนแบบไหม 

ตรงนี้จะเห็นในที่พี่โป๊ปบอกว่า เขาก็เป็นคนที่มีข้อผิดพลาด ยอมรับว่าไม่ได้ดีพร้อม แล้วเขาก็บอกว่าคนที่ทำต้องยอมรับผลการกระทำ ไม่โทษใคร ก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ดารานักแสดงก็เป็นคนปกติที่มีข้อดีและข้อผิดพลาด แม้จะเป็นคนที่เราชื่นชอบก็ไม่ใช่ว่าจะเหมาทุกอย่างว่าดี คงไม่ใช่

พ่อแม่ก็สามารถนำไปบอกลูกได้ว่า ประเด็นไหนที่ควรเรียนรู้ สิ่งที่ดีที่มองเห็น สิ่งที่ไม่ดีที่เห็น ซึ่งทำให้เราเป็นคนมองโลกให้กว้างขวางมากขึ้น ลูกก็จะเรียนรู้ไปกับเราด้วย เช่น จุดที่ดีคือต้องมีสติในการกระทำ

ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับผู้หญิง ตรงนี้หมอไม่ขอก้าวล่วงในรายละเอียดเพราะไม่ทราบจริงๆ แต่บางครั้งเรื่องความรักก็เป็นแบบนี้ จะบอกว่าใครถูกผิดก็ยาก เพราะเป็นเรื่องของคนสองคน เมื่อรักไม่สมหวัง แน่นอนมีอีกคนหนึ่งต้องเสียใจ ก็อาจจะไปบอกว่าอีกฝ่ายที่ทำให้อีกคนเสียใจเป็นคนผิดคงไม่ได้

ส่วนในเรื่องการมีอะไรกันก่อนแต่งงาน อันนี้หมอคิดว่าน่าจะต้องพูดยาว แต่ถ้าแต่ละคนบรรลุนิติภาวะแล้ว โตๆ กันแล้ว ก็คงมีความเป็นผู้ใหญ่พอที่จะตัดสินใจ แต่ก็ควรที่จะป้องกันการติดโรคหรือการตั้งครรภ์เป็นกรณีๆ ไป ตรงนั้นถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วคงต้องยอมรับผลที่เกิด

ถ้าลูกยังเล็ก ในฐานะพ่อแม่ก็สามารถสอนเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกชายลูกสาวในเรื่องเพศศึกษาได้ค่ะ ตรงนี้หมอเขียนลงเพจหลายรอบแล้ว แต่คิดว่ากรณีที่พ่อแม่ที่มีลูกสาวน่าอ่านคือ ประเด็นของดาวในซีรีส์ฮอร์โมน ว่าพ่อแม่ควรจะสอนลูกในเรื่องนี้อย่างไรค่ะ”

 

โดยเรื่องราวที่คุณหมอยกตัวอย่าง เป็นเรื่องของ “ดาว” เด็กนักเรียนสาวชั้น ม.ปลาย ที่พลาดไปมีอะไรกับ “ดิน” เด็กผู้ชายที่ชอบพอกัน ซึ่งก่อนหน้านั้นแม่ของดาวได้เตือนตลอดถึง “ความอันตรายของผู้ชาย” แต่การสื่อสารความห่วงใยจากแม่มาสู่ลูกกลับเป็นไปในลักษณะบ่น ต่อว่า ดาวจึงเหมือนฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา รู้แต่ว่าแม่เป็นห่วง แต่ไม่มีภูมิต้านทานในการวางตัวกับผู้ชาย

หลังจากมีอะไรกัน ดินก็หายไปจากชีวิตดาว โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ แอคเคาน์ในเฟซบุ๊กถูกลบหายไป ดาวรู้สึกว่าดินคงจะหลอกเธอ รู้สึกแย่กับตัวเองและเรื่องที่เกิดขึ้น เธอรู้สึกเหมือนตัวเธอไม่มีค่า ทำผิด จริงๆ แล้ว ถ้าดาวรู้ว่าการที่มีแฟน ดาวจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง อะไรๆ อาจจะไม่แย่แบบที่เป็นอยู่ ถ้าแม่จะคุยกับดาวในแบบที่ไม่ต้องขัดแย้งกัน ดาวอาจจะฟังแม่มากขึ้น

ในความตอนหนึ่งของเรื่องดังกล่าว คุณหมอได้แนะนำเอาไว้ว่า “มีพ่อแม่หลายคนสนใจกันมามาก เรื่องการพูดคุยเรื่องเพศกับลูก ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี มันรู้สึกตะขิดตะขวง มันจะเริ่มแบบไหน ตอนไหน คิดไม่ออกบอกไม่ถูกกันหลายคน

แต่เรื่องนี้หมอคิดว่าจำเป็นต้องคุย เมื่อถึงเวลา เพราะเด็กอาจจะไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าการที่อยู่กับผู้ชายสองต่อสองในที่ลับตา จะทำให้เกิดอะไรตามมาได้บ้าง ไม่รู้ว่าเริ่มต้นที่การจับมือ เค้าจะจับอะไรของเธอได้อีก และมันจะนำไปสู่อะไร

เด็กหลายๆ คนที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร บอกว่าไม่เคยรู้เรื่องนี้ เพิ่งเคยมีความรู้สึกแบบนี้ และห้ามตัวเองไม่ได้

ความรู้สึกทางเพศที่เกิดขึ้นในวัยรุ่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นกับเด็กวัยรุ่น เมื่อถูกกระตุ้นด้วยอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสื่อ การสัมผัส

พ่อแม่ควรสอนให้เด็กรู้เท่าทัน เรื่องการวางตัวกับเพศตรงข้าม สอนลูกสาวให้รู้ว่า ไม่ควรอยู่กับเพศตรงข้ามสองต่อสองในที่ลับตา ลูกชายก็ควรให้เกียรติผู้หญิง

ถ้าแม่เห็นดินมาส่งดาวที่บ้าน มันน่าจะเป็นโอกาสดี ที่แม่จะคุยกับดาวเรื่องนี้

หมอรู้ว่าแม่ดาวเป็นห่วง กังวลในเรื่องนี้มาก แต่เมื่อพ่อแม่ปล่อยให้ความกังวลเกินไปครอบงำจิตใจ สิ่งที่เราสื่อไปถึงลูก จะกลายเป็นความระแวง หงุดหงิด โกรธ ทั้งที่ใจจริงพ่อแม่ห่วงลูกมาก

ความห่วงใยจึงกลายเป็นความขัดแย้ง การจะสื่อสารให้เข้าใจกัน ต้องใช้ความเข้าใจในตัวลูก ตรงไปตรงมา ชัดเจน ไม่ประชดประชัน ที่สำคัญ คำสอนนั้นต้องนำไปใช้ได้จริง การที่บอกเพียงว่า “ผู้ชายน่ากลัว” มันอาจจะกว้างเกินไป ดาวได้ฟังก็คงไม่เข้าใจว่าหมายถึงยังไง

 

หมอมีเทคนิคสามข้อ ที่พ่อแม่อาจจะลองนำไปใช้เพื่อที่จะสอนลูกในเรื่องนี้

  1. สอนเมื่อถึงเวลา

อายุที่เหมาะกับการสอน คือ เริ่มเป็นวัยรุ่น อย่างดาวที่เริ่มมีแฟนไปแล้ว ก็อาจจะไม่ทันการ พ่อแม่ควรจะต้องเริ่มตั้งแต่ลูกยังเป็นเด็กเล็กๆ โดยเริ่มที่ให้เด็กรู้ว่า อวัยวะใดของร่างกายเขาที่ห้ามคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่มาสัมผัส เพื่อป้องกันการถูกล่วงละเมิดในเด็ก และเมื่อเด็กมีพัฒนาการทางเพศ เช่น การมีประจำเดือน เด็กผู้ชายเป็นหนุ่ม เสียงแตก มีฝันเปียก ควรคุยกับเด็กให้เข้าใจว่า สิ่งเหล่านี้หมายถึงแกเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว ร่างกายแกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง เด็กวัยรุ่นบางทีจะสับสน ไม่เข้าใจ ทำให้เด็กรู้ว่ามีอะไรก็สามารถคุยกับพ่อแม่ได้

  1. สอนเมื่อเด็กถาม

โดยส่วนใหญ่ที่โรงเรียนก็จะมีการสอนเพศศึกษา เด็กอาจจะฟังแล้วเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เราก็อาจถือโอกาสคุยกับลูกเรื่องที่เรียน ถามถึงความคิดความรู้สึก และก็อธิบายไปตามความจริง ตามอายุที่เด็กพอจะเข้าใจ แต่อย่าโกหก เพราะยิ่งทำให้เด็กสับสน

  1. สอนเมื่อมีโอกาส เช่น ดูทีวีแล้วมีฉาก หรือมีข่าว

เวลาที่ดูทีวีหรือหนังที่มีฉากการแสดงความรัก ก็ลองถามลูกว่าเห็นแล้วเป็นอย่างไร บอกลูกว่าการที่เราแสดงความรัก เช่น กอด จูบ สัมผัส จะนำไปสู่อะไรได้บ้าง ซึ่งควรรอจนกว่าจะพร้อม เพราะฉะนั้นก็ต้องป้องกันก่อนที่จะไปสู่ขั้นตอนเหล่านั้น ถ้าลูกมีแฟนก็ไม่ควรอยู่ตามลำพังสองคน ไม่ไปเที่ยวไหนที่ลับตาคน เพราะจะทำให้เกิดอะไรได้บ้าง ก็อธิบายไป และถ้าเกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาจะมีอะไรได้บ้าง เช่น ท้อง การติดโรค เป็นต้น ต้องมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ

เด็กส่วนใหญ่ที่หมอคุยไม่ได้อยากจะมีเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่ไม่พร้อม แต่สถานการณ์พาไป เช่น ไปบ้านแฟนตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน ดื่มสุรา ไปที่ลับตาคนแล้วอารมณ์ความรู้สึกพาไป เมื่อเผลอและพลาดไปแล้ว ก็ต้องมานั่งเสียดาย เสียใจภายหลังกันหลายคน”

 

‪ขอบคุณข้อมูลจาก: หมอมินบานเย็น, เข็นเด็กขึ้นภูเขา / ขอบคุณภาพจาก IG: popezaap

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า