
AFP Photo
สหรัฐฯ อนุมัติขายยุทโธปกรณ์ทางทหาร มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทให้แก่ไต้หวัน ด้านจีนไม่พอใจหนัก กระทบความสัมพันธ์อย่างร้ายแรง
กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา อนุมัติขายยุทโธปกรณ์ทางทหารมูลค่า 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 10.5 หมื่นล้านบาท ให้แก่ไต้หวัน เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า ไต้หวัน ดินแดนปกครองตนเองที่รัฐบาลปักกิ่งอ้างว่า เป็นส่วนหนึ่งของจีน จะได้รับชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องบินต่างๆ ที่ได้มาตรฐาน ซึ่งรวมถึงเครื่องบินรบเอฟ-16 และเครื่องบินขนส่งซี-130
ด้านรัฐบาลไทเปได้แสดงความยินดีต่อการประกาศขายยุทโธปกรณ์ครั้งนี้ของสหรัฐฯ พร้อมยังระบุว่า ยุทโธปกรณ์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการป้องกันดินแดนไต้หวัน และความมั่นคงในภูมิภาค ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปักกิ่งได้แสดงท่าทีไม่พอใจ และเรียกร้องให้สหรัฐฯ ล้มเลิกการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับไต้หวัน พร้อมเน้นย้ำว่า ความมุ่งมั่นของกองทัพจีนในการปกป้องอธิปไตยของชาติ และบูรณภาพแห่งดินแดนนั้น ไม่เปลี่ยนแปลง
นายเก็ง ช่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังทำอยู่ เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และบรรทัดฐานขั้นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
รวมทั้งไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของแถลงการณ์ร่วม 3 ฉบับ ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ได้ลงนามในช่วงทศวรรษที่ 1970 และ 1980 ซึ่งกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน”
ขณะที่ พ.อ.พิเศษ เหริน กว๋อเฉียง โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน กล่าวว่า การกระทำของสหรัฐฯ เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีน และทำให้เสียหายต่ออำนาจอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศจีน
การอนุมัติการขายยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ให้แก่ไต้หวัน สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ตลอดจนสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน
“เราขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกการขายอาวุธกับไต้หวันทันที เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายร้ายแรง ต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และกองทัพทั้งสองฝ่าย” ผู้พันเหริน กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ตกลงขายเทคโนโลยีให้ไต้หวัน สร้างเรือดำน้ำ โดยอนุญาตให้บริษัทรับเหมาด้านกลาโหมข ช่วยไต้หวันสร้างเรือดำน้ำของตนเอง
ทั้งนี้ ไต้หวันประกาศแยกตัวออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อปี 2492 แต่จีนยังคงอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนไต้หวัน และขู่จะรุกราน เพื่อรวมไต้หวันเข้ากับจีนแผ่นดินใหญ่อีกครั้ง