ประเด็นคือ – ศรีสุวรรณ เตรียมพาชาวบ้างบัว บุกทำเนียบรัฐบาล จี้นายกฯ ตั้งกรรมการสอบ รฟม. เปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวเอื้อประโยชน์ภาคเอกชน
วันที่ 23 เม.ย. 2561 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันพรุ่ง (24 เม.ย.) เวลา 10.30 น. จะนำตัวแทนชาวบ้านในชุมชนบางบัว เขตจตุจักร เข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีตั้งกรรมการสอบผู้บริหารการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณี รฟม.ใช้อำนาจโดยพลการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) จากเดิมที่เคยตั้งชื่อไว้ว่า “สถานีบางบัว” เปลี่ยนไปเป็น “สถานีศรีปทุม” ตามที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมร้องขอซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากชาวชุมชนบางบัว ว่า รฟม. ใช้อำนาจโดยพลการ ด้วยการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยที่ชาวชุมชนบางบัวไม่มีใครทราบเรื่องมาก่อน ทั้งๆ ที่ชื่อบางบัวเป็นชุมชนใหญ่มีประวัติในเชิงภูมินิเวศน์ยาวนานมานับ 100 ปี มีหน่วยงานราชการและเอกชนใช้ชื่อบางบัวประกอบเป็นชื่อหน่วยงานมากมาย เช่น วัดบางบัว (สร้างปี 2380) โรงเรียนบางบัว การเคหะบางบัว ตลาดบางบัว แฟลตบางบัว ท่าเรือบางบัว ฯลฯ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ซึ่งเหมาะสมดีอยู่แล้ว มากกว่าที่จะใช้ชื่อของมหาวิทยาลัยเอกชนซึ่งเขามาตั้งในพื้นที่ดังกล่าวไม่นาน
ทั้งนี้ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มองว่า การใช้อำนาจของ รฟม. อาจจะส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ เป็นการเอื้อให้กับมหาวิทยาลัยของเอกชน ที่ดำเนินธุรกิจเพื่อกำไรและผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรืออาจเข้าข่ายการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 นอกจากนี้ยังเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ2535 ประกอบพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 เนื่องจากการใช้ชื่อ “สถานีบางบัว” ปรากฏอยู่ในเอกสารเผยแพร่เป็นการทั่วไปในการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) แล้ว