จ่อฟ้อง “ครูปรีชา” ให้การเท็จ หลังทนายฯ – ลุงจรูญ ส่งหลักฐานให้กองปราบ

ประเด็นคือ – ทนายษิทรา พร้อม ร.ต.ท.จรูญ ส่งหลักฐานให้กองปราบแล้ว คาดภายใน 2 สัปดาห์ มีความชัดเจน แม้ครูปรีชาอ้าง คลิปตัดต่อได้ เชื่อตำรวจพิสูจน์เจ้าของเสียงได้

วันที่ 9 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด พร้อมด้วย ร้อยตำรวจโท จรูญ วิมูล และครอบครัว ได้เดินทางนำหลักฐานใหม่มายื่นให้กับ พลตำรวจตรี ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ในคดีหวยอลเวง 30 ล้านบาท โดยทนายษิทราบอกภายหลังเข้าพบว่า วันนี้มีทั้งพยานบุคคล 2 ปาก ซึ่งกองปราบปรามจะสอบสวนเลย และยังมีพยานเอกสาร รวมถึงข้อความแชตไลน์ที่เป็นหลักฐานว่า นางรัตนาพร สุภาทิพย์ แม่ค้าขายลอตเตอรี ไม่ได้พูดความจริงว่า ทราบเรื่อง ครูปรีชา ใคร่ครวญ ถูกหวย ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 60

https://youtu.be/t5f-Oq7ezpI

เพราะจากหลักฐานแชตไลน์ นางรัตนาพร ยังไม่รู้เลยว่าวันที่ 6 พ.ย.ใครถูกหวย ซึ่งพยานบุคคลที่นำมาวันนี้ เป็นลูกค้าของนางรัตนาพร 1 คน และอีกคนเป็นคนใกล้ชิดของครูปรีชา ซึ่งสองคนนี้ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน แต่วันนี้นำพยานมามอบให้ เพราะเชื่อมั่นการทำหน้าที่ของกองปราบ และพยานที่นำมาวันนี้ ถือว่าจะเป็นการนำไปประกอบสำนวนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และพยานนี้เป็นการทำลายน้ำหนักของฝ่ายตรงข้ามได้

โดยวันนี้ทางทนายษิทราได้พูดคุยกับผู้บังคับการกองปราบปราม ซึ่งผู้บังคับการกองปราบปรามไปรับสำนวนจากกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 7 แล้ว และจะนำมาทำต่อ ซึ่งมีทั้งหลักฐานที่ปรากฏทางสื่อ และไม่ปรากฏทางสื่อ

ทั้งนี้ ยังพบพิรุธในฝั่งของครูปรีชาหลายอย่าง แต่ด้วยกองปราบปรามมีความเชี่ยวชาญ มีบุคลากรที่มีความสามารถ จึงจับพิรุธของพยานทั้ง 40 กว่าปากว่าใครพูดเท็จได้ โดยนำหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบ เช่น พยานที่เป็นข้าราชการในกระบวนการยุติธรรม และพยานที่เป็นคนเก็บลอตเตอรี่ได้ ซึ่งกองปราบสามารถเทียบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และบอกได้ว่า พยานดังกล่าวพูดจริงหรือเท็จ

นางรัตนาพร สุภาทิพย์ แม่ค้าขายลอตเตอรี

ทนายษิทรา ยังคงยืนยันว่า เป็นขบวนการสร้างหลักฐานเท็จแน่นอน และขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับฝั่งครูปรีชา โดยจะต้องรอทางกองปราบปรามสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จก่อน คาดว่า ภายใน 2 สัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนขึ้น หากพบว่าเป็นขบวนการและสร้างพยานหลักฐานเท็จ ก็จะแจ้งความในข้อหา แจ้งให้พนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ / ให้การเท็จ ซึ่งให้การเท็จหลายครั้ง รวมทั้งมีการฟ้องเท็จ และเบิกความเท็จในคดีแพ่งแล้ว ทั้งนี้ ต้องรอให้กองปราบสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จก่อน และจะมาหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ครูปรีชา ใคร่ครวญ

ส่วนกรณีคลิปเสียงที่มีการแชร์กันก่อนหน้านี้ ถือเป็นพยานสำคัญ และได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะโทรศัพท์ของ ร.ต.ท.จรูญ และฝ่ายครูปรีชา เซ็นยินยอมที่จะมอบโทรศัพท์มือถือให้ตรวจสอบ ไม่ได้มีการทำอะไรที่ผิดกฎหมายในการที่จะเอาเสียงนี้ออกมา เพราะทุกฝ่ายเป็นคนยินยอมให้ดึงข้อมูล ซึ่งกรณีที่ ครูปรีชา ออกมาบอกว่า อาจจะเป็นคลิปที่ตัดต่อนั้น ทนายษิทรามองว่า ทางตำรวจคงต้องตรวจเช็กอยู่แล้ว โดยการนำเสียงจากในคลิปและเสียงที่ให้สัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ มาเทียบว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ และคลิปเสียงได้มาอย่างไร ซึ่งคลิปเสียงนี้ ไม่ได้เป็นคลิปเสียงที่แอบอัด แต่เป็นข้อมูลที่ดึงมาจากการสนทนาผ่านโทรศัพท์ ซึ่งตำรวจมีศักยภาพในการดึงคลิปเสียงนี้ออกมาได้ และวันนี้ก็รู้สึกสบายใจที่ตำรวจกองปราบปรามดำเนินการด้วยความยุติธรรม

ขณะที่ ร.ต.ท.จรูญ ย้ำด้วยว่า รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ ตั้งแต่คดีย้ายมาอยู่ในความดูแลของกองปราบปราม