จ้างชาวบ้านเปิดมือถือพ่วงเบอร์ หลอกเอาเครื่องไปขายต่อ

หลอกจ้างชาวบ้านเข้าห้างเวียนซื้อมือถือโปรโมชั่นเครื่องราคาถูกพ่วงเบอร์ ให้เครื่องละ 300 บาท ได้แล้วเอาเครื่องไปขายต่อ ทิ้งซิมไว้ชาวบ้านจ่ายค่ามือถือรายเดือนเอง ตำรวจชี้เอาผิดคนจ้างไม่ได้ 

วันที่ 5 พ.ย. ร.ต.อ.ฐติวุฒิ นามเทือง รองสว. ส.ทล.1กก.1บก.ทล. พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตำรวจทางหลวงอยุธยา สอบสวน น.ส.ทิพวรรณ สอนตน อายุ 43 ปี ชาวบ้าน ต.บางนา อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา หลังถูกล่อลวงว่าจ้างให้ไปซื้อโทรศัพท์มือถือราคาโปรโมชั่นพร้อมเบอร์ ให้ค่าจ้างเครื่องละ 300 บาทจำนวน 5 เครื่อง ต้องมารับผิดชอบค่าโทรศัพท์รายเดือนกว่า 2,500 บาทต่อเดือน

น.ส.ทิพวรรณ เล่าว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา มีชายอายุ 40-45 ปี ขับรถยนต์สีขาว เข้ามาชักชวนคนในหมู่บ้านให้ไปซื้อโทรศัพท์ที่ศูนย์ค่ายมือถือต่างๆ ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นโทรศัพท์เครื่องโปรโมชั่นราคาเครื่องละ 2,600 บาทพร้อมเปิดเบอร์ใหม่รายเดือน 490 บาทต่อเดือน ตนเองเห็นว่ามีรายได้ถึงเครื่องละ 300 บาท จึงไปพร้อมกับคนในหมู่บ้านรวม 7 คน โดยจะแยกไปครั้งละ 3 คนต่อวัน

ชายคนดังกล่าวได้ให้เข้าไปศูนย์ค่ายโทรศัพท์มือถือทั้ง 3 เครือข่าย แล้วใช้บัตรประชาชน ซื้อเครื่องรุ่นดังกล่าวคนละ 1 เครื่องพร้อมเปิดเบอร์คนละเครื่อง และห้ามพุดคุยให้ทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน จากนั้นยังได้ไปซื้อเครื่องที่ร้านสะดวกซื้ออีก ส่วนของตนซื้อมาได้ทั้งหมด 5 เครื่องได้ค่าจ้าง 1,500 บาท รวมทั้งหมดที่ไปด้วยกันได้มาทั้งหมด 17 เครื่อง หลังจากซื้อเครื่องมาเสร็จ ชายคนดังกล่าวได้นำเครื่องไปแล้วถอดซิมออก พร้อมบอกว่า หากมีบิลมาเรียกเก็บค่าโทรศัพท์ให้ฉีกทิ้งไม่ต้องสนใจอะไร พร้อมบอกอีกว่าหากหาคนมารับจ้างซื้อมือถือได้อีกให้หัวละ 200 บาท

“หลงเชื่อไปเพราะเห็นว่าได้เงินง่ายๆ อยากได้เงินมาเลี้ยงลูกและหลานที่ดูแลอยู่ อ่านหนังสือไม่ออกไม่เข้าใจว่าจะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง จนมีคนมาบอกว่าต้องรับผิดชอบค่าโทรรายเดือนหากไม่จ่ายจะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจึงรู้สึกตกใจมาก”

ด้าน ร.ต.อ.ฐติวุฒิ กล่าวว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้จะเข้าไปตามพื้นที่ชนบทเพื่อชักชวนให้ชาวบ้านใช้บัตรประชาชนไปซื้อเครื่องโทรศัพท์มือถือ ที่ค่ายโทรศัพท์มือถือ จัดโปรโมชั่นพร้อมเบอร์ ซึ่งราคาจะถูกกว่าการซื้อเครื่องปกติประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์ โดยกลุ่มบุคคลเหล่านี้เมื่อได้เครื่องมาแล้วจะนำไปปลดล็อค แล้วนำไปขายในราคาปกติ ที่ไม่ผูกมัดกับค่าโทรแต่ชาวบ้านที่โดนหลอกจะต้องมารับผิดชอบค่าโทรศัพท์รายเดือน ตั้งแต่ 3-7 เครื่องแล้วแต่ที่จะเข้าไปซื้อเครื่องได้ ซึ่งจากรอบนี้ได้ไป 17 เครื่อง ได้กำไรกว่า 40,000 บาท

ในกระบวนความผิดยังไม่พบการกระทำผิด ผู้ที่รับความเดือดร้อนคือชาวบ้านที่ต้องมารับผิดชอบค่าโทรศัพท์รายเดือนมากน้อยแล้วแต่จำนวนเครื่องที่ไปซื้อ แนะนำให้ชาวบ้านไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เป็นหลักฐานเพื่อใช้ในการเจรจากับค่ายโทรศัพท์มือถือ จึงขอฝากเตือนไปยังประชาชนอย่างหลงเชื่อในการว่าจ้างไปซื้อโทรศัพท์มือถือแล้วแต่ค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ จะมองว่าได้มาง่าย แต่ผลกระทบจะตามมาเป็นคดีความได้