SHARE

คัดลอกแล้ว

กกต.ประชุมลับเคาะส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ปม 3 รัฐมนตรี และ มล.ปนัดดา ดิศกุล ถูกร้องปมถือครองหุ้นสัมปทานของรัฐเข้าข่ายกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ ด้าน “วิษณุ” ชี้ขึ้นอยู่กับศาลจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างการวินิจฉัยหรือไม่ เจ้าตัวแสดงสปิริตลาออกก่อนได้ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 11 ม.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีรายงานข่าวจากที่ประชุมกกต. ระบุเตรียมส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยรัฐมนตรี 3 คนในรัฐบาลปัจจุบัน และ มล.ปนัดดา ดิศกุล ปมคือครองหุ้มสัมปทาน ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด และไม่เคยตามเรื่องนี้มาก่อน ตั้งแต่กรณีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตนก็ไม่เคยไปตามเรื่องมาก่อน

“ผมเข้าใจว่า จะเป็นอนุกกต.เท่านั้น ไม่รู้ฟังจากข่าวยังไม่ค่อยแน่ใจ แล้วเขาจะต้องไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้พักงานหรือไม่ก็แล้วแต่ คราวท่านรัฐมนตรีดอน ก็ไม่สั่งให้พัก”

นายวิษณุ กล่าวย้ำว่า การจะหยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีหรือไม่ รัฐธรรมนูญกำหนด ว่า ขึ้นอยู่กับคำสั่งศาลเหมือนกันกับรัฐมนตรีดอน ที่ศาลไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกระทั่งวินิจฉัยว่าไม่มีมูล ส่วนกรณีนี้ศาลอาจจะสั่งก็ได้ ตนไม่ทราบเรื่องของรัฐมนตรีดอน กับเรื่องของ 4 ท่านนี้เหมือนกันหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ศาลว่าจะสั่งหรือไม่ หรือท่านจะขอลาออกไปเองก่อนก็แล้วแต่ท่าน

เมื่อถามว่า รัฐมนตรีสามารถแสดงสปิริตลาออกได้ก่อน นายวิษณุ กล่าวว่า “นั่นใครจะไปห้ามเขาล่ะ เหมือนผมไม่มีเรื่องอะไร ผมจะลาออกผมก็ลาออกได้อยู่แล้ว” จากนี้หากยื่นต่อศาลแล้ว 4 รัฐมนตรีก็ต้องไปต่อสู้คดี ซึ่งใช้เวลาไม่นานไม่เกิน 1 เดือน

“ถ้ากกต.เขาเห็นอย่างนี้ ก็ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะว่าเขามีฐานะเหมือนเป็นกับอัยการเท่านั้น ศาลจะต้องเป็นคนชี้ แต่ว่า ถ้าเป็นเรื่องอื่นคดีธรรมดาทั่วไป เมื่อไปฟ้องศาล ศาลจะสั่งให้พักงานไม่ได้ แต่เรื่องอย่างนี้รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า หนึ่งศาลรัฐธรรมนูญอาจจะให้พักงานในระหว่างดำเนินคดีก็ได้ เมื่อสั่งก็ต้องพัก หรือสองเจ้าตัวเองท่านจะขอพักเองโดยไม่ต้องรอให้ศาลสั่งก็ได้ หรือสามท่านจะขอลาออกเลย ซึ่งต่างจากการพักก็ได้ ทางเลือกก็มีอยู่แค่นั้น”

เมื่อถามว่า ถ้ามีการชี้มูลว่าต้องพ้นจากตำแหน่ง นายวิษณุ กล่าวว่า ก็พ้น ส่วนจะปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ตนไม่ทราบอยู่ที่นายกรัฐมนตรีจะพิจารณา

มีรายงานข่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมลับพิจารณารายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการไต่สวน กรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ตรวจสอบรัฐมนตรี 4 ราย  คือ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการกระทรวงยุติธรรม อดีตรัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ, นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ถือครองหุ้นสัมปทานของรัฐเข้าข่ายกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญมาตรา 186 ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (2) มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่

โดยที่ประชุมมีมติเห็นว่า การถือครองหุ้นของทั้ง 4  เข้าข่ายทำให้ขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง เห็นควรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 และขณะนี้อยู่ระหว่างให้สำนักงาน กกต. ดำเนินการยกร่างคำร้อง ก่อนที่จะเสนอให้ที่ประชุม กกต. พิจารณา และประธาน กกต. ลงนาม เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ สำหรับคำร้องดังกล่าว นายเรืองไกร ได้ยื่นต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบ เมื่อเดือน ม.ค. และ ก.พ. 2561 ที่ผ่านมา

ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล

สุวิทย์ เมษินทรีย์

ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์

ไพรินทร์ ชูโชติถาวร

 

ขอบคุณภาพ Thaigov.

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า