ชงอัยการปิดมูลนิธิฯ วัดพระธรรมกาย ยึดทรัพย์ 1.3 หมื่นล้านบาท

ดีเอสไอ แถลงเสนออัยการให้ฟ้องต่อศาลสั่งยุบและยึดทรัพย์สินมูลนิธิคุณยายจันทร์ฯ มูลค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ให้เป็นของแผ่นดินจ่อเอาผิดยุบตามประมวลกฎหมายแพ่งมาตรา134 เตรียมขยายผลยึดทรัพย์และที่ดินทั่วประเทศ

วันที่ 30 พ.ย. 2561 วานนี้คณะทำงานคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงผลการสอบสวนคดีฟอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จำกัด ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ กับพวก ร่วมกันทุจริตสมคบกันฟอกเงิน หลังดำเนินคดีกับพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสและผู้เกี่ยวข้อง ในความผิดฐานร่วมกันรับของโจร ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ก่อนขยายผลสืบสวนพบหลักฐานเส้นทางการเงินว่าสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น บริจาคเงินเข้ามูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง โดยไม่มีความเกี่ยวพันกันถึง 125 ล้านบาท คณะทำงานจึงสรุปผลการสอบสวนว่า

ผู้บริหาร ประธานและกรรมการมูลนิธิ มีความผิดฐานฟอกเงิน จึงเสนอให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลสั่งให้ยุบมูลนิธิและขอศาลสั่งให้ทรัพย์สินมูลนิธิ 1.3 หมื่นล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งก่อนหน้านี้มีทรัพย์สินบางส่วนของมูลนิธิที่ ปปง. สั่งยึดไปแล้ว สำหรับทรัพย์สินของมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง เกือบทั้งหมดเป็นที่ดินและอาคาร ซึ่งก่อสร้างในนามโครงการต่างๆ กว่า 20 โครงการ ทั้งในพื้นที่ 2,000 ไร่ของวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี และในต่างจังหวัด รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท

โดยสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เงินลงทุนมากที่สุดคือ อาคาร 100 ปีคุณยายจันทร์ ขนนกยูง หรืออาคารลูกโลก ใช้งบประมาณก่อสร้างกว่า 5,000 ล้านบาท รองลงมาเป็นอาคารจอดรถวัดพระธรรมกาย มูลค่าการก่อสร้างกว่า 2,600 ล้านบาท ตามด้วยโครงการเวิลด์พีซวัลเลย์เขาใหญ่ นครราชสีมา มูลค่าการลุงทุน 3 เฟส เป็นเงินกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบปัญหาการบุกรุกและใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์

ทั้งนี้ มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง เป็น 1 ใน 3 มูลนิธิของวัดพระธรรมกาย ซึ่งมียอดเงินบริจาคเข้ามูลนิธิมากที่สุดตลอด 13 ปี ตั้งแต่จดทะเบียนก่อตั้ง 30 กรกฎาคม 2547 มีชื่อ นางวรรณา จิรกิติ ภรรยาของนักการเมือง และน้องสาวนายบุญชัย เบญจรงคกุล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ที่ผ่านมาบริหารงานโดยเครือญาติของนักการเมืองและนักธุรกิจระดับประเทศ มีคณะที่ปรึกษา 5 คนจากวัดพระธรรมกาย ให้คำชี้แนะด้านงานก่อสร้าง และ 5 คนนี้มีอำนาจคัดเลือกและจัดจ้างในโครงการต่างๆ

ปลายปี 2549 คณะกรรมการมีมติมอบอำนาจให้นางวรรณา จิรกิติ เลขาณุการมูลนิธิ เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนมูลนิธิ และมีอำนาจสั่งจ่ายเงินในจำนวนที่สูงกว่าข้อบังคับของมูลนิธิ ส่วนรองประธานกรรมการและกรรมการอีก 5 คน เป็นบุคลากรในแวดวงโฆษณาประชาสัมพันธ์ แวดวงการศึกษา บางคนมีชื่อปรากฎเป็นบุคคลใกล้ชิดของวัดพระธรรมกาย ที่ถูกเรียกว่ากัลยาณมิตร

สำหรับ มูลนิธิคุณยายจันทร์มีบัญชีธนาคาร 7 บัญชี จาก 2 สถาบันการเงิน และ 1 องค์กรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงก่อตั้งแบ่งเป็นบัญชีออมทรัพย์ 4 บัญชี กระแสรายวัน 3 บัญชี ภายหลังโครงสร้างบัญชีเปลี่ยนไปแม้จะมี 7 บัญชีเท่าเดิม แต่มาจากสถาบันการเงิน 2 บัญชี ส่วนอีก 5 บัญชี อยู่ในความดูแลขององค์กรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ภาพประกอบจากเพจ ภาพดีๆ 072