ญี่ปุ่นอนุมัติโครงการระบบป้องกันขีปนาวุธ โต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

ญี่ปุ่นอนุมัติโครงการระบบป้องกันขีปนาวุธ “เอจิส อะชอร์” จากสหรัฐฯ โต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ หลังทดสอบขีปนาวุธข้ามเกาะญี่ปุ่นถึง 2 ครั้ง และถูกข่มขู่ว่าจะจมเกาะญี่ปุ่นลงสู่ท้องทะเล

ในการประชุมวันนี้ (19 ธันวาคม 2560) รัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้แกนนำของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ อนุมัติเห็นชอบโครงการระบบป้องกันขีปนาวุธภาคพื้นดิน “เอจิส อะชอร์” (Aegis Ashore) ของสหรัฐฯ 2 แห่ง โดยเป็นการใช้เรดาห์ตรวจจับอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ เพื่อป้องกันภัย “ร้ายแรง” และ “ใกล้เข้ามา” จากการคุมคามของเกาหลีเหนือ หลังจากรัฐบาลกรุงเปียงยางยิงขีปนาวุธข้ามเกาะญี่ปุ่นถึง 2 ครั้ง และขู่ว่าจะจมประเทศลงสู่ท้องทะเล

ในที่ประชุมรัฐบาลกล่าวว่า การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือที่ก้าวหน้า ทำให้ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับการข่มขู่ที่มีความรุนแรงและใกล้ตัวมากขึ้น จำเป็นต้องพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งโครงการนี้จะสามารถป้องกันและช่วยตรวจจับสัญญาณการยิงขีปนาวุธได้

แม้จะมีการอนุมัติโครงการในวันนี้ แต่ยังไม่ได้ลงนามสัญญากับทางสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าการติดตั้งโครงการทั้ง 2 แห่งจะต้องใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านเยน หรือประมาณ 58 ล้านบาท และต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะติดตั้งและดำเนินการระบบเอจิส อะชอร์นี้ให้ใช้งานได้จริง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมอนุมัติเพิ่มงบประมาณประจำปีของกระทรวงกลาโหมสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 5.19 ล้านล้านเยน ในงบประมาณปีหน้า ซึ่งจะเริ่มในเดือนเมษายน 2561 เพื่อรับมือภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ และนายอิตสึโนริ โอโนเดระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ญี่ปุ่นมีแผนจะซื้อขีปนาวุธพิสัยไกลประมาณ 900 กิโลเมตร จากบริษัทสหรัฐฯ

สำหรับการทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (Intercontinental Ballistic Missile: ICBM) ฮวาซอง-15 ของเกาหลีเหนือครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2560 ทำความสูงได้ถึง 4,475 กิโลเมตร หรือสูงกว่าสถานีอวกาศนานาชาติราว 10 เท่า ใช้เวลาราว 53 นาที ไปได้ไกล 950 กิโลเมตร ก่อนที่จะตกในน่านน้ำเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น