“ดร.สมคิด” ปาฐากถาพิเศษแผน EEC โอกาสที่ดีสำหรับไทย

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

ประเด็นคือ – รองนายกฯ สมคิด เปิดปาฐากถาพิเศษ ระบุแผน EEC เสริมต่อยอดอีสเทิร์นซีบอร์ด พร้อมกล่าว 2561 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและโอกาสของประเทศไทย

วันที่ 15 พ.ย. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ประชุมพีช โรงแรมรอยัลคลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ปพัทยา เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้มีการจัดปาฐกถาพิเศษ การสื่อสารแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางด้านเศรษฐกิจภาคตะวันออก รวมถึงโอกาสการพัฒนาโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ให้สอดคล้องกับไทยแลนด์ 4.0 โดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในหัวข้อ “แผนบูรณาการเพื่อรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก”, นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ นายวิกรม กรมดิษฐ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ให้กับผู้เข้าร่วมรับฟังการปาฐกถาพิเศษได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แนวคิดสำคัญที่เกี่ยวกับการลงทุนที่ประสบความสำเร็จของนักลงทุนที่เข้าร่วมงาน

ธนินท์ เจียรวนนท์

เพื่อนำไปสู่การจูงใจให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ EEC ในอนาคต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดและพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกของระเบียบเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลตามยุทธศาสตร์ของประเทศ

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับปี 2561 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและเป็นปีแห่งโอกาสของประเทศไทย โดยเฉพาะการส่งออกที่จะมีสัญญาณที่ดีขื้น การท่องเที่ยวจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างหนาแน่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เศรษฐกิจหลุดพ้นจากคำว่าซบเซาไปสู่ช่วงเวลาแห่งความสดใส สำหรับโครงการ EEC เกิดขึ้นมาเพื่อสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ โดยที่ผ่านมาประเทศไทยมีอีสเทิร์นซีบอร์ด มีนิคมอุตสาหกรรมเกือบ 30 แห่ง หากมีการต่อเติมสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเท่ากับเป็นการก้าวกระโดดโดยไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ ที่สำคัญเมื่อประเทศจีนประกาศนโยบายเบลต์แอนด์โรด มีรถไฟความเร็วสูงผ่านจากจีน ลาว มายังโคราช หากเราสามารถเชื่อมต่อ EEC เข้ากับเบลต์แอนด์โรดได้จะส่งผลให้ความเจริญหลั่งไหลเข้ามา รัฐบาลจึงมีแนวคิดในการเริ่มสร้างจุดแข็งของประเทศ เพื่อให้เป็นจุดสำคัญของการลงทุนจากต่างประเทศในอนาคตข้างหน้า

โดยได้มีการจัดตั้งโครงการใหญ่ๆ 3 โครงการที่สำคัญในการรองรับ คือ 1.การสร้างสนามบินนานาชาติแห่งที่ 3 ที่อู่ตะเภา ซึ่งจะเป็นสนามบินที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาค อีกทั้งสนามบินแห่งนี้จะเป็นที่รองรับการเติบโตของประเทศไทย นอกจากนี้ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภายังจะเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน, 2.การสร้างรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมต่อกรุงเทพฯ กับระยอง ให้เป็นเมืองเดียวกันในการเดินทางเพียง 1 ชม. และ 3.อีสเทิร์นซีบอร์ด เฟสที่ 3 ให้เป็นเมืองท่าเข้า – ออกขนาดใหญ่ในอาเซียน ต้องการให้เป็นท่าเรืออู่ข้าวอู่น้ำ บริหารจัดการเรื่องโลจิสติกส์ในภูมิภาคแห่งนี้

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวทั้ง 3 จะผนวกกับโครงการมาบตาพุด เฟสที่ 3 เส้นทางการคมนาคมทั้งหมด ในขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการซึ่งที่สำคัญที่สุด EEC ในแถบนี้จะเป็นเขตที่รัฐบาลต้องการให้เป็นพื้นที่จูงใจนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ๆ ที่รัฐบาลได้ดำเนินการมากว่า 2 ปี