ดีเบตเชียงใหม่ : วิธีแก้ปัญหาฝุ่นและทิศทางการเมืองหลังเลือกตั้ง

5 พรรคส่งตัวแทนประชันวิสัยทัศน์เวทีเวิร์คพอยท์ “ชิงหัวใจคนเหนือ” เชื่อปัญหาวิกฤตอากาศเชียงใหม่แก้ไขได้ต้องหยุดเผาทันที แล้ววางแนวทางระยะยาว ส่วนการเมืองหลังเลือกตั้งยังเห็นต่าง ทั้งเชื่อว่าจะราบรื่นและยังมีชนวนนำไปสู่เหตุรุนแรง

วันที่ 13 มี.ค. เวิร์คพอยท์ จัดเวทีประชันวิสัยทัศน์ “ชิงหัวใจคนเหนือ” ที่ลานหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ โดยมีตัวแทนจากพรรคการเมือง ประกอบด้วย นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ,นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคพลังประชาชนปฏิรูป, ร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชารัฐ, นายสามารถ แก้วมีชัย ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย  และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โดย มีนายบรรจง ชีวมงคลกานต์ เป็นผู้ดำเนินรายการ

คำถามเรื่องแนวทางแก้วิกฤตฝุ่นละอองของเชียงใหม่และภาคเหนือที่สูงจนติดอันดับ 1 ของโลก นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู กล่าวว่า หมอกควันเกิดจากหลายปัจจัย หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะบูรณาการทุกหน่วยงาน ทำให้หมอกควันน้อยกว่านี้ เรื่องการเผา ข้าราชการต้องเข้าไปช่วยแก้ปัญหา

นายไพบูลย์ นิติตะวัน เสนอว่า ปัญหาทุกข์ร้อนเรื่องฝุ่นละออง แก้ได้ด้วยการเลิกปลูกข้าวโพดแล้วเผา มาปลูกต้นไม้โตเร็ว เช่น กระถิน ยูคาลิปตัส สร้างรายได้เดือนละ 6 พันบาท โดยรัฐสนับสนุนในการลงทุน

นายปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวว่า ปัญหาชัดเจนเรื่องมาจากการเผา ทางแก้เฉพาะหน้า ต้องใช้การเตือนล่วงหน้า ทุกครั้งที่ค่ามลพิษเกินระดับค่ามาตรฐาน และมีแนวทางดำเนินการ เช่น ปิดโรงเรียน ลดค่าโดยสารสาธารณะ จำกัดการใช้รถยนต์ ส่วนมาตรการระยะต่อไป ควรใช้แนวทางเชียงรายโมเดล ที่มีการตั้งจุดฮอตสปอต จะเกิดการบูรณาการร่วมกันดับไฟป่า ขณะเดียวกันต้องกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นในการบริหารจัดการ

ร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ต้องแก้ที่ต้นเหตุด้วย โดยเฉพาะการเผาเพื่ออุตสาหกรรม เช่น การปลูกข้าวโพดเพื่อเป็นอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นการปลูกแบบไม่ถูกต้องถึง 3 แสนไร่ แนวทางการแก้ไขแบ่ง 2 ระดับ คือ ในพื้นที่โดยไปสำรวจการเผาเพื่อวางแนวทางแก้ไข เพราะแต่ละพื้นที่มีสาเหตุต่างกัน กับ ระดับภาพรวม ซึ่งรัฐบาลต้องเข้าไปต้องไปตรวจสอบย้อนกลับในส่วนบริษัทที่รับซื้อว่ามีส่วนทำให้เกิดการเผาที่ผิดกฎหมายหรือไม่

ขณะที่ นายสามารถ แก้วมีชัย กล่าวว่า หมอกควันช่วงก่อนสงกรานต์มีมานานเพราะเป็นวิถีชาวบ้านในการเตรียมดินเพื่อเพาะปลูกโดยจุดไฟเผา ซึ่งเดิมธรรมชาติจะมีฝนตกลงมาชะล้างอากาศ ส่วนเชียงรายเป็นต้นแบบที่แก้แล้วประสบความสำเร็จ คือ ประกาศช่วงเวลาห้ามเผา 2 เดือน มีแอพพลิเคชั่นช่วยตรวจสอบว่าจุดใดฝ่าฝืนเผา จะนำตัวมาพบผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อใช้มาตรการสังคมลงโทษ และวิธีแก้ที่ดีที่สุดต้องเปลี่ยนความคิดให้เขาเข้าใจ หาวิธีอื่นนอกจากเผาซังข้าวโพด เช่น ไปหมักทำปุ๋ย

เมื่อถามถึง โอกาสในการจับมือร่วมงานกันและการเมืองหลังการเลือกตั้ง ร.อ.หญิงเดือนเต็มดวง กล่าวว่า ถ้าหากพรรคได้จัดตั้งรัฐบาล พรรคที่มาร่วมต้องเห็นด้วยกับแนวทาง เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และสวัสดิการอื่นๆ ต้องยอมรับนโยบายที่พรรคใช้หาเสียงได้ ส่วนเรื่องการสืบทอดอำนาจเป็นวาทกรรมที่ควรก้าวข้ามได้แล้ว ควรมองไปข้างหน้าร่วมกันเดินหน้าบริหารประเทศลืมเรื่องความขัดแย้ง ใครทำผิดก็รับผิด กลับมาคิดถึงเรื่องปากท้องของประชาชน

นายสามารถ กล่าวว่า ไม่ได้มองว่าเพื่อไทยเสียเปรียบ แต่บ้านเมืองเสียหายจากกติกาที่เพี้ยนจากสากล ให้ ส.ว.มาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการตัดสินของ ป.ป.ช.ในคดีนาฬิกา ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ก็เดินทางไปตรวจราชการ โดยเกณฑ์ประชาชนมาต้อนรับ เลือกตั้งเสร็จเรื่องจะไม่จบหากดัน พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยมี ส.ว.โหวต ที่สุดจะเกิดปัญหาและอาจจะลงเอยมีคนมาฉีกรัฐธรรมนูญอีก

นางศิริวรรณ กล่าวว่า ประชาธิปัตย์เป็นประชาธิปไตยสุจริต และพร้อมเป็นหลักในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งต่อไป เชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศยังมั่นใจพรรคประชาธิปัตย์ มั่นใจนโยบายพรรค มั่นใจท่านชวน หลีกภัย ท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน ส่วนกติกาการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาธิปัตย์เจอมาทุกรูปแบบ ออกมาอย่างไรเราก็ต้องสู้

นายปิยบุตร กล่าวว่า การจะร่วมกับใครต้องเป็นไปตาม หลักพื้นฐาน 3 ข้อของพรรค คือ ไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจ คสช., แก้ไขรัฐธรรมนูญ 60, จัดการล้มล้างผลพวงของการรัฐประหารทั้งหมด
การต่อต้านการสืบทอดอำนาจไม่ได้หมายถึง ตัว พล.อ.ประยุทธ์ แต่หมายถึงพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจด้วย ถ้าไม่จัดการเรื่องนี้วิกฤตจะกลับมาใหม่ มิเช่นนั้นจะซ้ำรอยกับเหตุการณ์พฤษภา 2535

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ประชาธิปไตยต้องเคารพเสียงข้างมากและรับฟังความเห็นผู้อื่นแม้จะเห็นต่าง ข้อแรกหลายพรรคยังไม่ก้าวข้าม พอตัวเองไม่ได้ประโยชน์ก็มองว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย เช่น เรื่อง ส.ว.ร่วมเลือกนายกฯ ก็ผ่านประชามติ ก็ต้องเดินไปตามนั้น ส่วนจะแก้ในอนาคตก็สามารถไปทำได้ และช่วงนี้หาเสียงก็ว่ากันไป ด่ากันไปมา แต่หลังเลือกตั้งแล้วก็ควรจะไปว่ากันตามหลักการของรัฐธรรมนูญ ในเมื่อทุกพรรคสามารถประกาศสนับสนุนแคนดิเดตของตนได้ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อพรรคพลังประชารัฐเสนอให้เป็น นายกฯ พรรคก็ต้องสนับสนุน แต่ในฐานะพรรคของตนไม่เสนอใครก็ต้องมาพิจารณา ซึ่งประเมินแล้ว เราจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ “อ่ะ แล้วมันผิดตรงไหนครับ”

ขณะเดียวกันในเวทียังมีการคุยเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียมและสิทธิทำกินโดยประชาชนมีส่วนร่วม (ช่วง 42.00) มาตรการดูแลราคาพืชผลการเกษตร เช่น ลำไย หอม กระเทียม (ช่วง 1.01.00)

ส่วนประเด็นเรื่องการเมือง บนเวทีมีการพูดหลายเรื่องที่น่าสนใจ เช่น ปัญหาการเมืองเรื่องสีเสื้อ (ช่วง 20.50) โอกาสที่ประชาธิปัตย์จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล (ช่วง 1.25.06) พรรคอนาคตใหม่ชี้แจงเรื่องนำทักษิณกลับบ้าน ยืนยันเป็นความเห็นส่วนตัวไม่ใช่นโยบายพรรค (ช่วง 1.29.15) การประกาศเทคะแนนของไทยรักษาชาติให้อนาคตใหม่ ทำให้ยิ่งกลายเป็นขั้วเดียวกันหรือไม่ (ช่วง 1.30.50) พลังประชารัฐยืนยัน กกต.ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งได้ดีและเป็นกลางแล้ว (ช่วง 1.32.50) มุมมองของตัวแทนพลังประชารัฐ กรณีหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ และบทบาท 250 ส.ว. (ช่วง 1.35.26)

รับชมทั้งหมดได้ที่ 

https://www.facebook.com/WorkpointNews/videos/2153583901639062/?t=5238