SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อพูดถึง ‘โบทูลินัมท็อกซิน’ หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากสั้นๆ ว่า ‘โบ’ คนมักจะเชื่อมโยงถึงเรื่องความงามเป็นส่วนใหญ่ เช่นการใช้เพื่อลดริ้วรอยหรือเพื่อให้ขนาดของกล้ามเนื้อในจุดต่างๆ ดูเล็กลง แต่หลายคนมักไม่ทราบว่ามีการใช้โบทูลินัมท็อกซินในการรักษาอาการอื่นๆ เช่นกัน อาทิ โรคหน้ากระตุก โรคกล้ามเนื้อหดเกร็ง ไปจนถึงภาวะกัดฟัน ซึ่งทำให้การ ‘ดื้อโบ’ อาจจะมีมากกว่าการใช้แล้วผิวหน้าไม่ตึงเหมือนครั้งแรก แต่อาจจะทำให้ประสิทธิผลในการรักษาโรคเหล่านี้ลดลงด้วย และการสำรวจที่เผยว่าผู้บริโภคยังขาดความรู้ ก็ทำให้ปัญหานี้อาจจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิด 

ในงาน การประชุม DASIL/MERZ ASCEND Council Meeting เสวนาระดับนานาชาติของคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม Aesthetic Council for Ethical use of Neurotoxin Delivery (ASCEND) DASIL (Dermatology, Aesthetics, and Surgery International League) World Congress ครั้งที่ 12 จัดขึ้นที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ได้มีการเผยผลการสำรวจเกี่ยวกับภาวะการดื้อต่อโบทูลินัมท็อกซินในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งครอบคลุมทั้งผู้บริโภคและบุคลากรทางการแพทย์เผยให้เห็นข้อมูลสำคัญเชิงลึกและข้อท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาด้วยโบทูลินัมท็อกซิน ว่า 8 ใน 10 พบว่าประสิทธิผลในการรักษาด้วยโบทูลินัม ท็อกซิน เอ (BoNT-A) ลดลงหลักจากได้รับการรักษาอย่างน้อย 3 ครั้ง 

โดยระหว่างการอภิปราย คณะผู้เชี่ยวชาญ ASCEND ได้นำเสนอบทความฉันทามติเรื่อง “นัยยะในโลกแห่งความเป็นจริงของภาวะการดื้อต่อ BoNT-A สำหรับผู้บริโภคและผู้ให้บริการด้านความงาม: ข้อมูลเชิงลึกจากคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามชั้นนำระดับนานาชาติ ASCEND” โดยมี ดร. นีม คอร์ดัฟ เป็นผู้เขียนหลัก ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภาวะดื้อต่อ BoNT-A และบทบาทของหน่วยงานกำกับดูแลในการเลือกใช้สูตร BoNT-A ที่บริสุทธิ์**  โดยร้อยละ 84 ของบุคลากรทางการแพทย์ยอมรับว่าสูตร   BoNT-A ของแบรนด์ต่างๆ มีความแตกต่างกันและมีความบริสุทธิ์ต่างกัน และมากกว่าร้อยละ 90 เห็นด้วยว่าการได้รับการรักษาด้วยสารท็อกซินที่มีสิ่งแปลกปลอม* เป็นประจำ อาจส่งผลให้ร่างกายของคนไข้พัฒนาแอนติบอดีมายับยั้งการออกฤทธิ์ของโบทูลินั่มท็อกซิน เอได้6  

ในรายงานมีการระบุข้อมูลที่น่าสนใจว่าจากการสำรวจในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาเพื่อความงามด้วยปริมาณยาสูง 363 คน 

  • 92% ของผู้เข้ารับการรักษามีอาการอย่างน้อยหนึ่งอย่างที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพที่ลดลง
  • 49%  ของผู้เข้ารับการรักษามีอาการสามอย่างที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพที่ลดลง
  • 57% เคยเปลี่ยนยี่ห้อ  BoNT-A
  • 34% เคยเปลี่ยนคลินิกหรือแพทย์

ซึ่งการเปลี่ยรคลินิกหรือแพทย์ส่งผลให้เกิดภาวะดื้อต่อ BoNT-A เพราะว่าในหลายครั้งข้อมูลที่คนไข้แจ้งแพทย์เกี่ยวกับการรักษาครั้งก่อนอาจจะไม่ครบถ้วนหรือไม่ตรงกับความจริงทำให้ยากกับการที่แพทย์จะติดตามประวัติการรักษาและดูแลคนไข้อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งทำให้เกิดการใช้ BoNT-A มากเกินความจำเป็นซึ่งนำไปสู่อาการดื้อต่อโบทูลินัมท็อกซินได้ โดย นพ.วาสนภ วชิรมน กล่าวถึงปัจจัยที่ส่งผลที่ทำให้เกิดอาการดื้อต่อโบทูลินัมท็อกซิน ว่าเกิดจาก

  • การใช้ปริมาณมากเกินจำเป็น 
  • การไม่เว้นระยะห่างในการรักษา โดยนพ.วาสนภ วชิรมนแนะนำว่าไม่ควรถี่กว่า 3 เดือน หรือปีละ 4 ครั้ง หรือหากผลลัพธ์อยู่ยาวกว่านั้นก็สามารถฉีดเท่าที่จำเป็นได้เพราะบางครั้งผลลัพธ์อาจอยู่ได้ถึง 6 เดือน 
  • การใช้โบทูลินัมท็อกซินที่มีสิ่งแปลกปลอม* ซึ่งเพิ่มความ เสี่ยงในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างแอนติบอดีมายับยั้งการออก ฤทธิ์ของโบทูลินัมท็อกซินคล้ายกับกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีน และการได้รับโบทูลินัมท็อกซินที่มีสิ่งแปลกปลอมซ้ำๆ ส่งผลให้การตอบสนอง ของภูมิคุ้มกันสูงขึ้นและส่งผลเกิดการดื้อยาในระยะยาว

โดยเฉพาะในปัจจุบันมีเทรนด์การปรับไม่ได้เพียงแค่รูปหน้าแต่เป็นรูปร่างด้วยโบทูลินัมท็อกซินมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดการใช้ใบปริมาณที่มากตามสัดส่วนที่ต้องการจะปรับแก้ซึ่งทำให้การใช้โบทูลินัมท็อกซินซึ่งทำให้ความสำคัญของการใช้โบทูลินัมท็อกซินที่มีความบริสุทธิ์**เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะดื้อโบและรักษาผลลัพธ์

จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีอาการดื้อ ‘ดื้อโบ’ หรือ BoNT-A?

  • ต้องการปริมาณโบทูลินัมท็อกซินสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เท่าเดิม
  • ผลของการใช้โบทูลินัมท็อกซินอยู่ได้ไม่นานเท่าเดิม จึงต้องเข้ารับการรักษาหรือ ‘เติมโบ’ บ่อยขึ้น
  • รู้สึกว่าทำแล้วไม่ได้ผล หรือตอบสนองลดลง

แต่หากมีภาวะ ‘ดื้อโบ’ หรือ BoNT-A การเปลี่ยนไปใช้สูตรที่มีความบริสุทธิ์จะลดความเสียงภาวะดื้อต่อ BoNT-A มากยิ่งขึ้น แต่ยังหากไม่ตอบสนองกับการรักษาก็ต้องหยุดการรักษา โดยในระหว่างการอภิปราย ดร.เซียว ตั๊ก หวา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและผู้อำนวยการทางการแพทย์ของ Radium Aesthetics ได้แบ่งปันกรณีศึกษาคนไข้จากสิงคโปร์ โดยกล่าวว่า “ผมใช้เวลา 3 ปี กว่าคนไข้จะเริ่มตอบสนองต่อการรักษาด้วยโบทูลินัมท็อกซินอีกครั้ง เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการแก้ไขเรื่องแอนติบอดีที่ยับยั้งการออกฤทธิ์ได้ ในบางกรณีอาจใช้เวลาหลายปี และในบางกรณีก็อาจไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ การป้องกันจึงมักจะดีกว่าการรักษา ตัวเลือกที่รอบคอบที่สุดคือการเริ่มต้นรับการรักษาด้วยสูตรโบทูลินัมท็อกซินที่บริสุทธิ์ตั้งแต่แรก หรือเปลี่ยนมาใช้สูตรนี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการดื้อต่อโบทูลินัมท็อกซิน”

*สิ่งแปลกปลอม หมายถึงการตรวจพบ โปรตีนเชิงซ้อน สารนิวโรท็อกซินที่ไม่ออกฤทธิ์ โปรตีนแฟลกเจลลิน และสารปนเปื้อนทางพันธุกรรมของแบคทีเรีย
**ความบริสุทธิ์ อ้างอิงจากการ ไม่ตรวจพบ โปรตีนเชิงซ้อน สารนิว โรท็อกซินที่ไม่ออกฤทธิ์ โปรตีนแฟลกเจลลิน และสารปนเปื้อนทางพันธุกรรมของแบคทีเรีย

อ้างอิง

  • Corduff N, Park JY, Calderon PE, Choi H, Dingley M, Ho WWS, Martin MU, Suseno LS, Tseng FW, Vachiramon V, Wanitphakdeedecha R, Yu JNT. Real-world Implications of Botulinum Neurotoxin A Immunoresistance for Consumers and Aesthetic Practitioners: Insights from ASCEND Multidisciplinary Panel. Plast Reconstr Surg Glob Open. 2024 Jun 20;12(6):e5892. doi: 10.1097/GOX.0000000000005892. PMID: 38903135; PMCID: PMC11188869.
  • Ho et al. Toxins. 2023; 15(7):456. A 2021.
  • Ho et al. Plast Reconstr Surg Glob Open. 2022;10:e4407. 
  • Corduff et al. Plast Reconstr Surg Glob Open. 2024;12:e5892.
  • Park JY, et al. Plast Reconstr Surg Glob Open. 2020;8(1):e2627

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า