ประเด็นคือ – เจ้าหน้าที่ลงตรวจวัดค่าเสียงเรือหางยาวรับจ้าง-เรือขนส่งสินค้า ในพื้นที่ จ.ระนอง และเรือชาวเมียนมา หลังชาวบ้านร้องเดือดร้อน เสียงดังรบกวน พบมีเรือดัดแปลงเครื่องยนต์จำนวนมาก
วันที่ 21 มี.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.ธานี เกียรติสาร รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 นำกำลังร่วมกับ เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาระนอง ตชด.ที่ 415 ระนอง ฝ่ายปกครอง อ.เมืองระนอง เทศบาล ต.ปากน้ำระนอง นำเครื่องมือการตรวจวัดค่าเสียง มาทำการตรวจวัดเรือหางยาวรับจ้าง และเรือขนส่งสินค้า ทั้งของชาวระนอง และของชาวเมียนมา ที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าจาก จ.ระนอง กับ จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา
หลังจากมีการร้องเรียนจากประชาชนที่อยู่ตามริมฝั่งคลอง ต.ปากน้ำระนอง ได้รับผลกระทบจากเรือหางยาวจำนวนมาก ที่มีการดัดแปลงเครื่องยนต์ เพื่อให้เกิดความแรงของเครื่องยนต์ในการขับขี่ แต่สิ่งที่ตามมาคือมีเสียงดังมากกว่าปกติ ที่บริเวณจุดตรวจกลางน้ำเกาะสาระนีย์ กองร้อยทหารราบที่ 2521 ชุดเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ซึ่งเป็นจุดแรกและจุดสุดท้ายที่เรือโดยสารและเรือสินค้าจะผ่านเข้าออกมาจาก จ.ระนอง ไปเมียนมา
พ.อ.ธานี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ได้รับหนังสือร้องเรียนจาก พี่น้องประชาชน 2 ฝั่งคลอง ในพื้นที่ ต.ปากน้ำระนอง ว่าได้รับผลกระทบทางมลภาวะทางเสียงเป็นอย่างมาก เนื่องจากเรือโดยสารหางยาวรับจ้าง และเรือหางยาวบรรทุกสินค้า ที่วิ่งไปมาระหว่าง จ.ระนอง กับ จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา ทางหน่วยจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ หลังจากนั้นได้นำข้อมูลทั้งหมดมาร่วมประชุมในเรื่องปัญหามลพิษทางเสียง ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีข้อกฎหมายของเทศบาล และกฎหมายของเจ้าท่าภูมิภาคอยู่แล้ว
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องมือมาตรวจวัดความดังของเสียง พบว่ามีเรือจำนวนมากที่มีระดับความดังเสียงมากกว่า 100 เดซิเบล ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยการตรวจในครั้งนี้เดิมจะทำการจับปรับทันที 5,000 บาท แต่ทางชุดทราบว่ายังคงมีผู้ประกอบการเรือหางยาวทั้งชาวไทยและชาวเมียนมาอีกจำนวนมากที่ยังไม่ทราบรายละเอียด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการบันทึกหมายเลขทะเบียนเรือ พร้อมข้อมูลความดังของเครื่องเรือในแต่ละลำ หากลำไหนมีค่าความดังมากกว่า 100 เดซิเบล ในวันนี้ได้ทำการว่ากล่าวตักเตือนก่อน พร้อมให้ระยะเวลาแก้ไขเป็นเวลาอีก 7 วัน แต่หากว่าหลังจาก 7 วัน ยังไม่มีการแก้ไข จะดำเนินการตามกฎหมายทันที
เนื่องจากที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานได้ให้เวลาผู้ประกอบการในการแก้ไขมาตลอด ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเดือดร้อนของประชาชน ในพื้นริมคลองทั้งหมด ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมกันช่วยแก้ไขให้ถูกต้องตามระเบียบทางราชการ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝั่งไม่ได้รับความเดือดร้อน