รองผู้ว่าฯ ตรัง ตรวจสอบข้อเท็จจริง ชาวบ้านทอดผ้าป่าจ้างครู

รองผู้ว่าฯ ตรัง ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังผู้ปกครองชาวบ้านทอดผ่าป่าจ้างครูผู้สอน เผยปี 59 เหลือครู 2 คน นักเรียน 19 คน พร้อมให้ความช่วยเหลือครูที่เสียสละ

วันที่ 6 มิถุนายน 2561 เวลา 11.00 น. ที่โรงเรียนวัดชลวาปีวิหาร หรือโรงเรียนหนักแบก หมู่ 3 ต.หนองบ่อ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง นายวสันต์ ถนอมทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง , นายนิวรณ์ แสงวิสุทธิ์ รักษาการศึกษาธิการจังหวัดตรัง เเละ นายพยูงศักดิ์ กัญจนโรจน์ รอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาตรัง เขต 1 เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีข่าวกรณีผู้ปกครอง ชาวบ้านร่วมกันทอดผ้าป่า เพื่อนำมาจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับครูว่าจ้างในอัตราเดือนละ 4,000 บาท

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงศึกษาธิการ มีประกาศยุบโรงเรียนไปรวมกับโรงเรียนใกล้พื้นที่ แต่ชาวบ้านไม่เห็นด้วย และไม่อยากให้มีการยุบโรงเรียน จึงช่วยกันผลักดันให้มีเด็กนักเรียนมาเรียนเพิ่มขึ้น จนปัจจุบันมีเด็กนักเรียน จำนวน 74 คน และมีการทอดผ้าป่านำเงินมาจ้างครู ซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

ต่อมานายวสันต์ ซึ่งเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง มีการเรียกผู้เกี่ยวข้องร่วมประชุมปรึกษาหารือ ร่วมทั้ง นางนงนุช แก้วเอียด รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียน มาพูดคุยถึงสาเหตุและที่มาที่ไปของเรื่องดังกล่าว

โดยนายวสันต์กล่าวว่า การเดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ปัจจุบันมีนักเรียน 74 คน มีอัตราครูกระทรวงศึกษาธิการ ประกอบด้วย ผู้อำนวยการโรงเรียน และครูผู้สอนรวม 5 คน  แต่สืบเนื่องจากเดิมปี พ.ศ. 2559 นักเรียน 19 คน ครู 2 คน อยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องถูกยุบรวมกับโรงเรียนข้างเคียง

ปรากฏว่าทางชาวบ้านในชุมชนและคณะกรรมการโรงเรียนมีความเห็นว่าไม่อยากยุบ จึงมีแนวคิดเพิ่มนักเรียนโดยรณรงค์ให้ชาวบ้านในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงส่งนักเรียนมาเรียน  จึงมีการทอดผ้าป่าขึ้นจ้างบุคคลภายนอกที่จบทางด้านการศึกษามาเป็นครูช่วยสอน 4 คน เมื่อมีเด็กนักเรียนเพิ่มมากขึ้น ทางกระทรวงศึกษาธิการจึงไม่ยุบด้วยเหตุผลที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ จึงมีการส่งบุคลากรครูมาเพิ่มอีก 3 อัตรา รวมเป็น 5 อัตรา

นายวสันต์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันทางโรงเรียนโดยคณะกรรมการโรงเรียนยังคงจ้างครูมาสอน 3 คน โดยได้รับค่าจ้างเดือนละ 4,000 บาท 2 คน และ 5,000 บาท อีก 1 คน รวมทั้งครูจิตอาสาที่เกษียณมาช่วยสอนอีก 3 คน โดยภาพรวมขณะนี้โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียน 74 คน และคนที่ทำหน้าที่ครู รวม 11 คน อยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องพิจารณากับคณะกรรมการฯ ว่ามีความจำเป็นว่าจะต้องเพิ่มอัตราครูอีกหรือไม่ เพื่อลดภาระในการหาเงินมาจ้างครูช่วยสอน

ต่อข้อถามที่ว่า หากทางโรงเรียนเข้าหลักเกณฑ์เพื่อคัดเลือกครูมาสอน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้การจัดการศึกษาของโรงเรียนล้มเหลว เหลือนักเรียน 19 คน ต่อมาชาวบ้านเข้าส่งเสริมและมีการทอดผ้าป่าจ้างครูที่เสียสละสอนมา แม้ว่าจะได้รับเงินเดือนเพียงเดือนละ 4,000 บาท จะเสียสิทธิและตกงานเรื่องดังกล่าวจะดำเนินการอย่างไร

นายวสันต์กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องให้สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาตรัง เขต 1 กับศึกษาธิการจังหวัดตรัง ปรึกษาหารือกับคณะกรรมการโรงเรียน และชุมชนว่า ครูจ้างทั้ง 3 คนที่เสียสละมาสอนให้เป็นเวลากว่า 2 ปี จะมีส่วนให้ความช่วยเหลือและเกื้อหนุนอย่างไร

ในกรณีที่มีการเปิดสอบ หากมีคุณวุฒิทางครู อาจจะไปสอบเพื่อให้ได้รับการบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูได้ในอนาคต เนื่องจากมีทักษะความรู้ความสามารถที่จะส่งเสริมได้ ในกรณีที่ไม่สามารถสอบได้ คงเป็นเรื่องของคณะกรรมการโรงเรียนว่าจะหาทางช่วยเหลือได้อย่างไร แต่ช่วงนี้คงต้องอาศัยเงินจากการทอดผ้าป่าช่วยเหลือกันต่อไป

ด้านนายพยูงศักดิ์ กล่าวว่า โรงเรียนขนาดเล็ก ส่วนมากจะเกิดปัญหาแทบทุกแห่ง สำหรับสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาตรัง เขต 1 มีโรงเรียนในสังกัด 132 โรงเรียน เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก 70 กว่าโรง มีครูอยู่ประมาณ 4-5 คน ไม่ครบชั้นเรียน ทุกโรงจะต้องมีการจ้างครู บางโรงเรียนจ้างครูผู้สอน 1 คน จึงไม่กระทบ

แต่โรงเรียนวัดชลวาปีวิหาร มีครูจ้าง 3 คน จึงมีการทอดผ้าป่าฯ ปี พ.ศ. 2559 โรงเรียนนี้มีเด็กนักเรียนเหลือ 19 คน ตามนโยบายจะต้องยุบรวมกับโรงเรียนดีใกล้บ้าน แต่ปรากฏว่าเมื่อจะยุบจริงๆ ทางชุมชนไม่อยากให้ยุบ อยากให้รักษาไว้ จึงระดมให้นักเรียนเข้ามาเรียนเพิ่มขึ้น จากนักเรียน 19 คน เพิ่มเป็น 74 คน  ต่อไปก็ต้องประชุมหารือเพื่อหาทางออกและแก้ปัญหาต่อไป

ส่วนทางด้าน นายนิวรณ์ กล่าวว่า โรงเรียนแห่งนี้มีผู้ดูแลรับผิดชอบ เป็น ผอ.สพฐ.ตรัง เขต 1 โดยเงื่อนไขสัดส่วนการจัดสรรอัตราครูก็มีเกณฑ์อยู่แล้ว โรงเรียนวัดชลวาปีวิหาร มีครู 5 คน นักเรียน 74 คน สมมุติว่า ครู 1 คนต่อนักเรียน 25 คน ก็ครบตามหลักเกณฑ์ แต่เนื่องจากมีครูไปครบตามชั้นเรียน จึงเกิดปัญหาขึ้นได้

การลงมาดูแลเรื่องดังกล่าว จะให้กรรมการสถานศึกษาร่วมกับครูในโรงเรียน ประชุมโดยเชิญเขตพื้นที่ร่วมด้วย กำหนดความต้องการนำผลสรุปเสนอไปยังเขตพื้นที่ฯ และเขตพื้นที่เสนอต่อมายังศึกษาธิการจังหวัดที่ตนดูแลอยู่ เสนอตามลำดับเพื่อแก้ปัญหาต่อไป