อภิสิทธิ์ ตอบจุดยืนร่วมพลังประชารัฐ? “ถ้าผมเป็นแกนนำรัฐบาล ไม่มีพล.อ.ประยุทธ์อยู่แล้ว”

https://www.youtube.com/watch?v=5Mpk_NobBXs&feature=youtu.be

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบจุดยืนทางการเมืองหลังประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ชี้เป็นศูนย์รวมนำไปสู่เงื่อนไขความขัดแย้งในอนาคต ย้ำชัดๆ ไม่ร่วมรัฐบาลที่จะทุจริตและสืบทอดอำนาจ

วันที่ 11 มี.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งโต๊ะแถลงโดยสรุปว่า การประกาศจุดยืนทางการเมืองของตนที่ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการพูดในนามหัวหน้าพรรค เป็นไปตามอุดมการณ์พรรคที่ประกาศไว้เมื่อกว่า 70 ปีที่แล้ว เป็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่พูดเพื่อย้ำอุดมการณ์ของพรรค ต้องการทำงานการเมืองแบบตรงไปตรงมา คิดว่าเป็นสิทธิ์ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่จะได้ทราบจุดยืนของพรรคก่อนการเลือกตั้ง ถ้าสิ่งที่ประกาศจะทำให้เสียคะแนน ตนก็ยินดี

ส่วนเหตุผลที่ประกาศจุดยืนในเวลานี้ เพราะตนและพรรคประกาศนานแล้วว่าประชาชนมี 3 ทางเลือกที่มีจุดยืนแตกต่างกันชัดเจน ในเวทีต่างๆ ที่องค์กรหรือสื่อมวลชนจัดสุดท้ายก็ซักว่า พรรคการเมืองมีจุดยืนอย่างไร จะได้ไม่ต้องถามกันอีก เรื่องนี้ไม่ได้นำไปสู่ความขัดแย้งอะไรเพิ่มเติม เพราะจุดยืนทางการเมืองที่มีความแตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ และเมื่อยืนยันถึง 3 ทางเลือก มันไม่มีการบังคับให้เลือกข้างบนตัวบุคคลอีกต่อไป เพราะว่าอนาคตของประเทศ การตัดสินใจของประชาชน และประโยชน์ของประชาชนมันเกินเลยเรื่องตัวบุคคล ประชาธิปัตย์ก็ยังยืนยันว่า ไม่สนใจจะไปบีบบำคับว่าต้องเลือกข้างที่เกี่ยวข้องกับคุณประยุทธ์ หรือคุณทักษิณ และเมื่อวันนี้เมื่อมันชัดว่า มันมี 3 แนวทางอย่างนี้ ก็ไม่ต้องถามในเรื่องเหล่านี้อีกต่อไป

นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า เรื่องการเป็นรัฐบาลของประชาธิปัตย์ มุ่งสู่การเป็นแกนนำไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาล จะตั้งรัฐบาลที่สุจริตและไม่มีการสืบทอดอำนาจ ส่วนจะมีพรรคการเมืองบ้าง ส่วนหนึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องดูผลการเลือกตั้ง และในฐานะที่ประกาศตัวจะเป็นแกนนำรัฐบาลและเป็นหัวหน้ารัฐบาล ขอยืนยันว่า

“ผมไม่ยอมจะเอาใครมาร่วมแล้วรัฐบาลนั้นทุจริตหรือสืบทอดอำนาจ ผมทราบดีว่าประกาศอย่างนี้ก็มีปฏิกริยาจากทั้งสองฝั่ง ฝ่ายหนึ่งก็พยายามกลับไปสู่วาทกรรมเดิมบังคับการเลือกข้างทำนองว่า ถ้าไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ แปลว่าจะต้องไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย เมื่อวานเข้าใจว่ามีการปราศรัยทำนองนี้จากพรรคพลังประชารัฐ ผมก็บอกให้กลับไปดูคลิปแรก ผมก็ชัดเจนอยู่แล้ว และเงื่อนไขที่ผมพูดมาตลอดเกี่ยวกับการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยก็คือตราบเท่าที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถออกมาจากการครอบงำของคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีผลประโยชน์ที่ขัดกับผลประโยชน์ของประเทศ ประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถร่วมงานด้วยได้ ถึงนาทีผมก็ไม่เห็นสัญญาณอะไรถึงความเปลี่ยนแปลงในการทำงานทางการเมืองของกลุ่มพรรคการเมืองที่เป็นเครือข่ายนี้”

อีกด้านหนึ่ง ผมก็ไม่ไปตกหลุมพรางของเครือข่ายของพรรคของคุณทักษิณที่พยายามจะบีบให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ มีความพยายามที่จะต้องมาถามต่อว่า ตกลงร่วมกับพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ ผมก็ตอบ ผมว่าชัดนะ ถ้าพรรคพลังประชารัฐยังคิดสืบทอดอำนาจ ประชาธิปัตย์ก็ไม่ร่วมได้ ผมยังแปลกใจว่า พอตอบอย่างนี้ก็มีกองเชียร์ที่บอกว่าตอบไม่ได้ ตอบไม่ชัด ขออนุญาตเปรียบเทียบกับพรรคอนาคตใหม่ที่ขึ้นเวทีดีเบตเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะร่วมกับพรรคประชารัฐได้ไหม พรรคอนาคตใหม่ตอบว่า ถ้าพลังประชารัฐจะบอกโอเค เราไม่เอาแล้วสืบทอดอำนาจคสช. ไม่เอาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เรายังร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐได้เลย ทำไมเวลาผมพูดบอกไม่ตอบ ทำไมเวลาพูดบอกว่ากั๊ก ถ้าเป็นเช่นนั้นผมก็มีอนาคตใหม่เป็นเพื่อน เพราะเป็นคำตอบเดียวกัน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า หลังจากคนไทยทั้งประเทศผ่านประสบการณ์ 10 กว่าที่ผ่านมา เกือบทุกฝ่ายเรียนรู้ ยืนยันไม่ต้องการให้เกิดสถานการณ์ความวุ่นวาย ตนก็เรียนรู้และมีประสบการณ์จากการทำงานที่ผ่าน รู้ว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางในการจัดการปัญหา และประกาศชัดไปแล้วว่า ไม่เกรงใจใคร มั่นใจว่า ผู้มีความรับผิดชอบฝ่ายความมั่นคงพร้อมช่วยทำงานรักษาความสงบเรียบร้อย ต้องเข้าใจว่า หลังการเลือกตั้งไม่มีมาตรา 44 ที่ออกมาประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวเลย ค่อนข้างผูกพันด้วยซ้ำเพราะทำงานด้วยกันในช่วงที่ยากลำบาก ขอบคุณด้วยซ้ำที่ท่านได้ทำในช่วงตนเป็นนายกรัฐมนตรี

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การสืบทอดอำนาจจะเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งในอนาคตมากที่สุด พล.อ.ประยุทธ์จึงกลายเป็นศูนย์รวมความขัดแย้งที่ง่ายที่สุดหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพึ่งพรรคการเมืองที่วันนี้น่าเป็นห่วง เพราะไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในเส้นทางตัวเองได้ พรรคประชาธิปัตย์เป็นประชาธิปไตยที่สุจริต