ตำรวจภาค 3 รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไต้หวันรายใหญ่

ประเด็นคือ – ตำรวจภูธรภาค 3 โชว์ผลงานจับแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกคนไทยโอนเงินให้ โดยอ้างเป็น จนท.รัฐ, ธนาคาร และไปรษณีย์ คิดเป็นมูลค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 12 ต.ค. 60 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ รักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, พล.ต.ต.สุภากร คำสิงห์นอก รักษาการผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวจีนไต้หวัน จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นาย HUNG WEI CHE อายุ 22 ปี, นาย WU CHUNG CHE อายุ 22 ปี,นาย HOU CHENG SHON อายุ 30 ปี ได้ขณะกำลังกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ในห้างสรรพสินค้าพาลิโอ เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ

จากนั้นได้ขยายผลเข้าจับกุม นาย CHI CHI MIN อายุ 45 ปี ที่ถนนทางเข้าเขตอุตสาหกรรมสุรนารี ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยของกลางหลายรายการ เช่น บัตรกดเงินอิเล็กทรอนิกส์ (ATM) จำนวน 13 ใบ เงินสดธนบัตรไทย จำนวน 459,000 บาท สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ และสลิปโอนเงินผ่านธนาคารต่างๆ อีกรวม 15 รายการ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 8 เครื่อง ในข้อหาเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เครือข่ายขบวนการ (แก๊งคอลเซนเตอร์) โดยร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชน์ในการรับสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสดของผู้อื่นโดยมิชอบ

พฤติกรรมของแก๊งคอลเซนเตอร์ดังกล่าวนี้ เป็นการร่วมกันระหว่างชาวจีนไต้หวันกับชาวไทยที่ไปอาศัยอยู่ในประเทศไต้หวัน จะร่วมกันใช้โทรศัพท์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงเชื่อมต่อกับหมายเลขหน่วยงานต่างๆ ในประเทศไทย ที่สามารถโชว์เบอร์ให้เห็นว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานเหล่านั้นจริง เช่น ปปง., ปปช., ปปส., ดีเอสไอ, ธนาคารต่างๆ รวมถึงไปรษณีย์ไทย โดยให้คนไทยที่อยู่ในประเทศไต้หวันพูดข่มขู่ให้เหยื่อหลงเชื่อว่ามีสิ่งผิดกฏหมายหรือได้กระทำผิดกฏหมายจนเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้

โดยก่อนหน้าแก๊งนี้จะไปว่าจ้างให้คนไทยในจังหวัดต่างๆ เปิดบัญชีธนาคารไว้โดยให้ค่าจ้างรายละ 8,000 บาท จากนั้นจะให้ชาวจีนไต้หวันรับจ้างเดินทางเข้าประเทศไทยในนามนักท่องเที่ยวแล้วตระเวนกดเอทีเอ็มจากบัญชีดังกล่าวโอนเงินกลับประเทศไต้หวัน โดยจากการตรวจสอบของตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พบว่าเงินที่ถูกโอนผ่านบัญชีที่หลอกจากเหยื่อจากหลายจังหวัดในประเทศไทยมีมากกว่า 10 ล้านบาท ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตำรวจภูธรภาค 3 จึงขอแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอย่าตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซนเตอร์ดังกล่าวนี้อีกต่อไป