ทหารสกัดจับ กระบะลอบขนเมียนมา 40 ราย จ่อส่งชุมพร

สกัดจับกระบะลอบขนเมียนมาเข้าเมือง บริเวณรอยต่อระนอง-ชุมพร รวบได้ 40 ราย พบชาวเมียนมาเป็นผู้ขับรถนำส่งเอง

วันที่ 25 มิ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ได้รับรายงานจาก ร.ต.สุธานนท์ พุ่มสร้าง หัวหน้าชุดจุดด่านตรวจหลักศิลา กองร้อยทหารราบที่ 2521 ชุดเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ว่าได้สืบทราบว่า จะมีขบวนการลักลอบขนต่างด้าวเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย ซึ่งจะใช้เส้นทางรอยต่อระหว่าง จ.ระนอง กับ จ.ชุมพร จึงได้ประสาน พ.ต.ท.ปราโมทย์ ผาสุก หัวหน้าชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษภูธร จ.ระนอง นำกำลังเข้าร่วมตรวจสอบ ค้นหาการลักลอบคนต่างด้าวเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย โดยได้แบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 3 ชุด เพื่อออกหาตามเส้นทางที่ได้รับแจ้งข่าว

จนกระทั่ง มาพบรถที่ขนต่างด้าว จำนวน 2 จุด บนถนนสายรอง รอยต่อระนอง-ชุมพร เป็นรถกระบะ 3 คัน บรรทุกชาวเมียนมาชายหญิงรวม จำนวน 40 คน เป็นหญิง จำนวน 6 คน เป็นชาย จำนวน 34 คน พร้อมผู้ที่รับจ้างขับพาแรงงานมาส่ง เป็นชายชาวเมียนมา จำนวน 2 คน และชายชาวไทย จำนวน 1 คน จากนั้นนำตัวทั้งหมดมายังจุดตรวจทหารหลักศิลา พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากจั่น และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.ระนอง ให้มาร่วมทำการสอบสวน

จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า รถทั้ง 3 คัน ไปรับชาวเมียนมามาจากชายแดนระนอง-เมียนมา จากนั้นแยกนำขึ้นรถกระบะ แล้วแยกย้ายกันขับไปตามเส้นทางด้านในถนนสายรอง เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจตำรวจ และด่านตรวจทหาร บนถนนสายหลัก แต่ไม่นึกว่าจะมีชาวบ้านเห็น และแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งพวกตนทั้ง 3 คน รับจ้างจากนายหน้ามาอีกทอดหนึ่ง ซึ่งได้ค่าจ้างขับรถจาก จ.ระนอง ไปยัง จ.ชุมพร คนละ 2,000 บาท โดยผู้ว่าจ้างได้จัดหารถมาให้ พวกตนทำหน้าที่เพียงขับรถ และเมื่อไปถึงเขตพื้นที่ชุมพร จะมีคนมารับอีกทอด เพื่อรับชาวเมียนมาทั้ง 40 คน ไปยังจังหวัดต่างๆ ของภาคใต้ รวมไปถึงประเทศมาเลเซีย

ด้านเจ้าหน้าที่ ระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกที่การจับกุม พบชาวเมียนมาถึง 2 คน เป็นคนขับรถในการลักลอบขนชาวเมียนมา แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้อยู่ในพื้นที่มานาน จนรู้เส้นทางเป็นอย่างดี จึงขยับจากผู้ใช้แรงงานมาเป็นผู้ลักลอบขนแรงงาน

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อสาวให้ถึงตัวผู้จ้างวาน ผู้ที่จัดหารถให้ในการลักลอบขนชาวเมียนมา เพื่อจะนำตัวผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป