ทัพเรือภาค 3 ส่งเรือหลวง 3 ลำ ปฏิบัติการเคลื่อนย้าย “บ้านลอยน้ำกลางทะเล” ขึ้นฝั่งวันนี้

ทัพเรือภาค 3 ส่ง เรือหลวงศรีราชา, เรือหลวงริ้น และเรือหลวงมันใน ปฏิบัติการเคลื่อนย้ายบ้านลอยน้ำกลางทะเล จ.ภูเก็ต ขึ้นฝั่งวันนี้ โดยทุกขั้นตอนจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคคอยให้คำแนะนำ และเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อบ้านลอยน้ำ ซึ่งเป็นวัตถุพยานในการเอาผิดกับสามีภรรยาผู้ถูกกล่าวหา และขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามตัวตม.เผย ยังไม่พบข้อมูลว่าเดินทางออกนอกประเทศ

เมื่อวันที่ 21 เม.ย.62 เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะทำงานตรวจสอบและติดตามกรณีบุคคลสร้างวัตถุลอยน้ำ (Seasteading )บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 4/2562 โดยมีนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, นาวาเอกภุชงค์ รอดนิกร เสนาธิการกองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 3, นายวันฉัตร ชุหถนอม ผู้แทนอัยการจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดพลเรือนประจำชุดตรวจ จังหวัดภูเก็ต ตามคำสั่ง คสช. , พ.ต.อ.นิกร สมสุข ผกก.สภ.วิชิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต, กอ.รมน.ภูเก็ต, ชุด ชป.สห.รส.ทภ.4 ชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย จ.ภูเก็ต กรมทหารราบที่ 25,  อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต, เจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต, โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ ได้มีการสรุปผลการดำเนินงานของคณะทำงานตรวจสอบฯ และติดตามความคืบของการดำเนินการด้านต่างๆ เช่น การร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119, การพิจารณาอนุมัติกรณีความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทยได้กระทำนอกราชอาณาจักร,การเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายเชด เอลวอทอวสกี้, การดำเนินการออกประกาศป้องกันอันตรายจากวัตถุลอยน้ำ, การตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำเข้ามาประกอบวัตถุลอยน้ำ, การขออนุญาตประเภทของอาคารและการระงับการใช้อาคารผิดประเภทตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 , การรับแจ้งขุดดินถมดิน เป็นต้น

ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า บ้านหลังดังกล่าวขาดความมั่นคงแข็งแรง ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อการเดินเรือด้วย และในวันที่ 22 เม.ย.นี้ ทางทัพเรือภาคที่ 3 จะลงพื้นที่เพื่อทำการเคลื่อนย้ายพยานวัตถุดังกล่าวกลับเข้ามายังฝั่งภูเก็ต  รวมทั้งเชิญสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์การทำงานเพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนกระบวนการ

นาวาเอกภุชงค์ รอดนิกร เสนาธิการ กองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า ตามนโยบายของ พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาคที่ 3 ( ศรชล.ภาค 3) ได้ให้ความสำคัญในการเคลื่อนย้ายบ้านลอยน้ำซึ่งเป็นวัตถุพยานสำคัญในคดีดังกล่าว ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ  มิติด้านความปลอดภัย เนื่องจากมีการตรวจพบว่าวัตถุดังกล่าวมีความไม่มั่นคงถาวร และเสี่ยงต่อการที่พลัดตกลงมา หรือทำให้เกิดผลกระทบต่อการเดินเรือ หากเรือสินค้าหรือเรือขนาดใหญ่มาเฉี่ยวชนอาจจะเกิดอุบัติภัยทางทะเลขนาดใหญ่ขึ้นได้ นอกจากนี้ยังเป็นเขตพื้นที่ทำการประมงด้วย จึงจำเป็นต้องทำการเคลื่อนย้ายดังกล่าว กับประเด็นการเป็นวัตถุพยานของไทยในการตรวจสอบต่างๆ

ดังนั้น ในการนำวัตถุดังกล่าวกลับเข้าฝั่งจะต้องคำนึงว่า ทำอย่างไรให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งได้มีการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค ทั้งเจ้าหน้าที่กองโรงงาน ฐานทัพเรือพังงา และในส่วนของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบวัตถุดังกล่าว รวมทั้งได้มีการศึกษาแบบแปลนการก่อสร้างแล้ว จึงกำหนดวางแผนเคลื่อนย้ายในวันที่ 22 เม.ย. หากไม่มีอะไรขัดข้อง

นาวาเอกภุชงค์ รอดนิกร เสนาธิการ กองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 3

“ในส่วนของการเคลื่อนย้ายบ้านลอยน้ำว่า จะมีการจัดเรือทั้งหมด 3 ลำ ประกอบด้วย เรือหลวงศรีราชา เป็นเรือฐานในการกำกับควบคุมการปฏิบัติการ โดยมีพลเรือตรี วิธนรัชต์ คชเสนี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ทำหน้าที่ผู้บัญชาการกองเรือปฏิบัติการ เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติในครั้งนี้ ส่วนของเรือลำเลียง แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นตัวบ้านหรือวัตถุลอยน้ำ 8 เหลี่ยม จะใช้เรือหลวงมันใน บรรทุกวัตถุดังกล่าวนำกลับขึ้นฝั่ง เนื่องจากวัตถุดังกล่าวเป็นไฟเบอร์ หากใช้วิธีการลากอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ กับตัวที่เป็นฐานหรือเดือย จะใช้เรือหลวงริ้น ซึ่งมีขีดความสามารถในการลากจูงทำการลากกลับเข้าฝั่ง ซึ่งได้มีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง และเตรียมการต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว หากไม่มีปัญหาอื่นใด และจากการตรวจสอบบริเวณหน้างาน เบื้องต้น คาดว่าจะใช้เวลาประมาณครึ่งวันในการดำเนินการรื้อถอนและเคลื่อนย้ายวัตถุดังกล่าวกลับเข้าฝั่งได้ นอกจากนี้ได้มีการเตรียมการในส่วนของถังลอยและถังพยุง หากเกิดขั้นข้องก็จะได้ปรับเปลี่ยนวิธีการได้

ทั้งนี้ได้มีการประสานกับทางเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ในการนำวัตถุพยานดังกล่าวมาเก็บไว้ที่บริเวณท่าเทียบเรือน้ำลึกภูเก็ตก่อน รวมทั้งประสานกับทาง สภ.วิชิต และจังหวัดภูเก็ตด้วย เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ได้มีการจัดทำบัญชีรายการต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่จะมาแสดงตัวเป็นเจ้าของมาตรวจสอบได้”

นาวาเอกภุชงค์ ยังกล่าวย้ำด้วยว่า การปฏิบัติการทุกขั้นตอนนั้นจะมีการเชิญสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์ด้วย เพื่อเป็นพยานว่า ทางเจ้าหน้าที่ทางการไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการต่างๆ ตามขั้นตอน และคำนึงถึงสิทธิอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ มิได้กลั่นแกล้งหรือดำเนินการโดยพละการ

อย่างไรก็ตาม ส่วนของพิกัดที่ติดตั้งบ้านลอยน้ำนั้น ขณะนี้มีการเคลื่อนตัวเล็กน้อย ซึ่งก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายจะมีการมาร์กพิกัดอีกครั้ง เพื่อยืนยันตำบลที่เกิดเหตุเป็นอย่างไร โดยจะใช้เครื่องมือของเรือหลวงศรีราชา, เรือหลวงริ้น และเรือหลวงมันใน มาตรวจสอบพิกัดอีกครั้งก่อนที่ทำการเคลื่อนย้าย รวมถึงการให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ศรชล.ภาค 3 ได้ลงรายชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วย

ทางด้านการติดตามสองสามีภรรยาชาวต่างชาติกับชาวไทยที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ซึ่ง พ.ต.อ.นิกร สมสุข ผกก.สภ.วิชิต ได้กล่าวชี้แจงว่า ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัวและยังไม่เจอตัวแต่อย่างใด โดยจากการติดตามไปที่บ้านพักก็ยังไม่เจอตัว มีเพียงข่าวที่ปรากฏตามโซเซียลเท่านั้น

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ให้ข้อมูลว่า จากการตรวจสอบผ่านระบบสารสนเทศของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยังไม่มีข้อมูลว่า ทั้งสองคนเดินทางออกจากประเทศไทย

ส่วนของคดีนั้น นายวันฉัตร ชุหถนอม ผู้แทนอัยการจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดพลเรือนประจำชุดตรวจ จังหวัดภูเก็ต ตามคำสั่ง คสช. ชี้แจงว่า เนื่องจากเป็นความผิดการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทยเกิดขึ้นในเขตต่อเนื่อง เป็นอำนาจของอัยการสูงสุดการเป็นพนักงานสอบสวนเป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดีความผิดนอกราชอาณาจักร

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• ทร. แจงไม่ได้ส่งคนคุกคาม 2 สามีภรรยาสร้างบ้านลอยน้ำกลางทะเล ย้ำดำเนินคดีตาม กม.
• “บิ๊กป้อม” สั่งกองทัพเรือ ตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างกลางทะเลภูเก็ต พบหลักฐานแผนสร้าง 20 หลัง
• จนท.แจ้งความเอาผิด เขตปกครองตนเอง ที่พักกลางทะเล ภูเก็ต