ทำไมเกาหลีเหนือถึงเปลี่ยนท่าทียอมจับเข่าคุยกับสหรัฐ

นักวิเคราะห์ชี้เกาหลีเหนือเปิดช่องเจรจากับสหรัฐฯ เพราะกลัวหรือไม่ก็เพราะมั่นใจสุด ๆ แต่ค่อนข้างแน่นอนว่าหลังเจรจา คนเกาหลีเหนือคงลำบากเหมือนเดิม

ข่าวช่วงหลังที่ออกมาเป็นระยะแสดงถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปในเชิงบวกทั้งจากนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ รวมถึงการที่ผู้นำสองชาติจะนั่งร่วมโต๊ะคุยกันที่สิงคโปร์สถานที่จัดการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์นี้ด้วย

คำถามที่หลายคนสงสัยคืออะไรทำให้ผู้นำเกาหลีเหนือเปลี่ยนท่าทีจากที่ก่อนหน้านี้ไม่นานเคยแข็งกร้าวดุดันไม่ยอมก้มหัวให้ใคร กลายมาเป็นยอมเปิดช่องเจรจา ประกาศจะไม่ทดลองทั้งนิวเคลียร์ทั้งขีปนาวุธ

ไมเคิล ออสติน นักวิชาการด้านเอเชียร่วมสมัยจากสถาบันฮูเวอร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในสหรัฐฯ วิเคราะห์สองทฤษฎีที่เป็นไปได้ “ทฤษฎีแรกคือผู้นำเกาหลีเหนืออาจกลัวว่าทรัมป์จะเอาจริง” เกาหลีเหนืออาจสัมผัสได้ถึงเรื่องนี้มากขึ้นหลังนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ เลือกใช้มาตรการรุนแรงที่สุดกดดันเกาหลีเหนือซึ่งทำให้เศรษฐกิจเกาหลีเหนือที่ย่ำแย่อยู่แล้วเลวร้ายลงไปอีก ถึงตอนนี้จะยังไม่ถึงจุดวิกฤติแต่ คิม จอง อึน คงมองเห็นว่าหายนะข้างหน้า นี่ก็อาจทำให้เขาตัดสินใจเลือกแนวทางประนีประนอมเพื่อลดแรงกดดัน

ทฤษฎีที่สองที่เป็นไปได้คือความมั่นใจในอาวุธนิวเคลียร์ในมือ ที่ผ่านมา คิม จอง อึน ได้แสดงให้โลกเห็นว่าเกาหลีเหนือมีศักยภาพทั้งนิวเคลียร์และขีปนาวุธโดยเฉพาะขีปนาวุธข้ามทวีปที่ไปได้ไกลถึงสหรัฐฯ เขาย่อมรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในฐานะ “ทัดเทียม” ในการเจรจา แม้จะยังมีคนตั้งข้อสงสัยว่าขีปนาวุธระยะไกลของเกาหลีเหนือจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่

มีความเป็นไปได้ที่ผู้นำเกาหลีเหนือเชื่อว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนการประชุมสุดยอดกับผู้นำสหรัฐฯ จากการเจรจาลดอาวุธให้เป็นการทำให้สหรัฐฯ ยอมรับว่าเกาหลีเหนือก็เป็นชาติมหาอำนาจด้านอาวุธนิวเคลียร์เช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตาม มีการมองว่าผู้นำเกาหลีเหนือและผู้นำสหรัฐฯ คงไม่ได้คิดเหมือนกันเมื่อเจรจาถึงการจัดการอาวุธนิวเคลียร์ และนั่นก็น่าจะเป็นปัญหาหนึ่ง

มีการเปรียบเทียบการพบกันระหว่าง คิม จอง อึน กับทรัมป์ ว่าเหมือนการพบกันครั้งประวัติศาสตร์เมื่อปี 2515 ระหว่างเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่เปิดประเทศต้อนรับริชาร์ด นิกสัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเวลานั้น แต่นักวิเคราะห์บางคนไม่คิดแบบนั้นเพราะการพบกันของเหมา เจ๋อตุงกับนิกสันเมื่อ 46 ปีก่อนเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในจีน จีนเปิดประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจ ประชาชนหลายร้อยล้านคนหลุดพ้นจากความยากจนข้นแค้น และจีนก็ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทบนเวทีโลกอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าหลังการพบกันระหว่าง คิม จอง อึน กับทรัปม์ เกาหลีเหนือจะเหมือนเดิมทั้งการเมืองและเศรษฐกิจซึ่งก็หมายความว่าคนเกาหลีเหนือจะทุกข์ยากต่อไป

ที่มา Trump is not Nixon and North Korea is not China  What Trump has already given up to North Korea