นพ.ธีระเกียรติ ยันทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์ 279 ล้าน ต้องไม่ใช่มวยล้ม

นพ.ธีระเกียรติ ฉุนถามคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงใช้ตรรกะใดในการสรุปสำนวน ทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์ 279 ล้าน ยันเรื่องนี้ต้องไม่ใช่มวยล้ม แต่ต้องยึดนิติธรรม ถ้าทำผิดก็ต้องออกจากราชการ

วันที่ 15 พ.ย.2561 นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงความคืบหน้า การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อครุภัณฑ์ฝึกทักษะมัธยมศึกษาตอนต้น ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) งบประมาณ 279 ล้านบาท ว่า นิติกรของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รายงานว่า การสรุปสำนวนที่เสนอชี้มูลความผิดของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มี นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ไม่มีเหตุมีผลเชื่อมโยงกัน เช่นที่ระบุว่า รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) โอนงบประมาณลงพื้นที่เป็นการกระทำผิด ขณะเดียวกันเลขาธิการ กพฐ. สั่งไม่โอนงบฯ ระบุว่า ทำผิดเช่นเดียวกัน ทั้งที่เลขาฯ กพฐ.ชี้แจงแล้วว่า พบว่ามีการทุจริตจึงสั่งไม่ให้โอนงบฯ ไป ดังนั้นต้องสรุปให้ชัดเจนว่าการสั่งไม่โอนงบฯ ดังกล่าวมีความผิดตรงไหน

“เรื่องนี้ต้องมีคนผิด เพราะถ้าบอกว่าไม่ผิดทั้งสองคน ก็คงมีคำถามอีกเพราะถือว่าการสรุปสำนวนในลักษณะนี้ไม่มีตรรกะที่ชัดเจน รวมทั้งข้อเท็จจริงที่นิติการสอบถามไปก็ยังไม่มีการตอบกลับมาอีกหลายประเด็น ผมไม่ได้สั่งให้สอบเรื่องนี้ใหม่ แต่มีคำถามกลับไปยังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าใช้ตรรกะใดในการสรุปสำนวน เพราะหากสรุปชี้มูลความผิดสอบวินัยร้ายแรงมาเช่นนี้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการสอบสวนรวมถึงตัวรัฐมนตรีเองก็จะถูกกล่าวหาว่าตั้งธงได้ว่าจะเอาใครผิดใครถูก ผมเห็นว่าการสอบสวนเรื่องนี้ยังไม่สมบูรณ์ที่สำคัญไปกว่านั้นผมให้ตรวจสอบเรื่องทุจริตแต่กลับมาสอบสวนเรื่องการบริหารงาน ดังนั้น ผมจึงต้องมีคำถามกลับและชี้แจงมาใหม่ว่าที่สรุปสำนวนมาใช้เหตุผลอะไร เพราะไม่เช่นนั้นนิติกรก็ไม่เสนอตน ถ้าเชื่อมโยงมาได้ก็จะได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยต่อไป” รมว.ศึกษาธิการกล่าว

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีการกล่าวหาว่า เลขาธิการ กพฐ. ไม่ทำตามนโยบายตนที่ห้ามไม่ให้มีการท็อปอัป ซึ่งเรื่องนี้ เลขาธิการ กพฐ.ได้มีการชี้แจงแล้วว่าได้ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการแล้ว ซึ่งตนยืนยันว่าได้มีการปรึกษาจริง ตั้งแต่ต้นปีที่รู้ว่ามีเรื่องทุจริตก็ไม่โอนงบฯลงไป อยู่ๆมาสรุปชี้มูลความผิดใช้ตรรกะอะไร หากสรุปมาแบบนี้จะเกิดความเสียหายทางหลักนิติธรรมได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นมวยล้มแต่ต้องทำให้ถูกต้อง ส่วนที่เคยให้สัมภาษณ์ว่ามีการล็อกสเปกนั้น มีการล็อกสเปกจริงแต่เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ระดับล่าง ซึ่ง สพฐ.มีการทำอยู่บ่อยๆ ซึ่งถ้าพบว่าทุจริตก็เตรียมออกจากราชการได้เลย.