นักวิชาการชี้ 2 คดี “ธนาธร” หนักสุดหมดสิทธิ์เป็น ส.ส.ไม่ถึงขั้นยุบพรรค

นักวิชาการสถาบันพระปกเกล้าให้มุมมองข้อกฎหมาย 2 คดี หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีเว็บไซต์พรรคโพสต์ประวัติผิด หนักสุดตัดสิทธิ์เฉพาะตัวไม่ถึงยุบพรรค ส่วนที่ถูก คสช.แจ้งความจัดรายการพาดพิงต้องใช้เวลา กว่าจะรู้ผลหลังเลือกตั้งแล้ว

จากกรณีทีมงานพรรคอนาคตใหม่ ลงข้อมูลประวัตินายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคผิด โดยระบุในหน้าเว็บไซต์พรรคว่าเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2 วาระติดต่อกัน ทั้งที่จริงคือ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.นครนายก ต่อมามีผู้ทักท้วงพรรคอนาคตใหม่จึงได้ลบข้อความดังกล่าว และชี้แจงว่าเป็นความผิดพลาดไม่ได้หวังให้เกิดความเข้าใจผิดและส่งผลถึงคะแนนของพรรค อย่างไรก็ตามต่อมา นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นร้องต่อ กกต.เอาผิดนายธนาธร

สติธร ธนานิธิโชติ

วันที่ 25 ก.พ. นายสติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการผู้ชำนาญการ สำนักวิจัยและพัฒนาการเมือง สถาบันพระปกเกล้า ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ถึงกรณีดังกล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหน้าที่สืบข้อเท็จจริงว่านายธนาธรได้รับรู้การขึ้นข้อความนี้หรือมีเจตนาหรือไม่ เช่น ดูที่การเจตนาใช้ตำแหน่งนี้ในการการหาเสียงร่วมด้วยหรือไม่ มีเจตนาให้คนคล้อยตามจากการใช้ตำแหน่งนี้หรือไม่ ซึ่งต้องไปพิสูจน์ต่อ ส่วนระยะเวลา 5 เดือน ที่ประวัติค้างอยู่ในระบบและมีคนร้องว่าเจตนา ต้องไปพิสูจน์อีกทีว่าเจตนาหรือไม่ เมื่อทราบว่าผิดแล้วรีบแก้ไขหรือไม่ ทั้งนี้หาก กกต.ระบุว่านายธนาธรมีความผิด อาจจะลงโทษด้วยการให้ใบส้ม (ถูกระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้ชั่วคราว 1 ปี) อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบ กกต.จะต้องทำเรื่องนี้ให้เป็นบรรทัดฐานในการตรวจสอบทุกพรรคเช่นกัน

ส่วนการจัดรายการร่วมกับกรรมการบริหารพรรควิพากษ์วิจารณ์พลังดูดอดีต ส.ส. ซึ่ง คสช.ได้ส่งตัวแทนแจ้ง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2) นำข้อมูลอันเป็นเท็จ น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ นายสติธร มองว่า นายธนาธรได้อ้างอิงที่มาของข้อมูล หากผิดจริง ย่อมจะถูกตัดสิทธิ์ เข้าข่ายขาดคุณสมบัติ ส.ส. แต่จะมีผลหลังวันเลือกตั้งเพราะมีระยะเวลาการไต่สวนคดีและขั้นตอนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ทั้งนี้เป็นความผิดตัวบุคคลไม่มีผลต่อตัวพรรค เช่นกัน