ข้อมูลจากหน่วยงานด้านมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NOAA) กล่าวว่าซากวาฬแปซิฟิกสีเทาถูกซัดขึ้นมาบนชายฝั่งของอเมริกาเหนือกว่า 182 ตัวแล้ว นับว่ามากเป็น 4 เท่าของอัตราปกติ
แม้ตัวเลขนี้จะดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนวาฬสีเทาทั้งหมดที่มีบนโลกนี้กว่า 27,000 ตัว แต่สถาบันสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมของสหรัฐฯ (the Marine Mammal Institute) บอกว่า จำนวนซากวาฬที่ซัดมาติดชายฝั่งนับเป็นแค่ 10% ของจำนวนวาฬที่ตายทั้งหมดที่จมลงก้นสมุทร หมายความว่าทังหมดแล้วในปีนี้มีวาฬตายมากถึงพันตัวเลยทีเดียว
ในการนี้ NOAA จึงทำการสำรวจว่าเหตุใดวาฬจึงหายไปมากและรวดเร็วเช่นนี้ อย่างไรก็ดียังไม่มีข้อสรุป โดยปาเรก ดูญัง (Pбdraig Duignan) หัวหน้าฝ่ายพยาธิวิทยา สถาบันสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตังข้อสมมติฐานว่ามีหลายสาเหตุด้วยกัน ทังขาดแหล่งอาหาร สภาวะโลกร้อนและถูกเรือชน
จากการสำรวจซากวาฬที่บริเวณอ่าวซานฟรานซิสโกพบว่ากว่าครึ่งตายเพราะขาดอาหาร เนื่องจากที่ผ่านมาวาฬสีเทาเพิ่มปริมาณประชากรแต่แหล่งอาหารบริเวณวงกลมอาร์กติกไม่ได้เพิ่มด้วย
นอกจากนี้สภาวะโลกร้อนยังทำให้เกิดปัญหาอุณหภูมิน้ำทะเลอุ่นขึ้นและไม่มีน้ำแข็งปกคลุม ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพในบริเวณนั้นน้อยลง ทำให้อาหารที่จะมาหล่อเลี้ยงเหล่าวาฬน้อยลง สวนทางกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น
อีกปัญหาใหญ่คือการถูกเรือชน เนื่องจากวาฬสีเทาไม่ได้มีสัญญาตญาณในการหลบหลีกแบบวาฬเพชรฆาตหรือวาฬนาร์วาล ซึ่งจากซากวาฬสีเทาที่พบในช่วงปี 2019 กว่าครึ่งก็พบว่าเสียชีวิตจากการโดนเรือชน
ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยเมื่อเส้นทางเรือบังเอิญไปทับซ้อนกับเส้นทางของวาฬพอดี เมื่ออาหารน้อยวาฬจึงพยายามเข้าใกล้เรือเพื่อหาอาหาร
ที่มา
Scientists are worried that a thousand gray whales have died so far this year