นายกฯ ขอคนไทยสร้างความเข้มแข็ง พร้อมรับปี 2561 ประเทศจะกลับมารุ่งเรือง

(รายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ออกอากาศ วันที่ 15 ธ.ค. 2560)

ประเด็นคือ – นายกรัฐมนตรี ระบุ อียูปรับระดับความสัมพันธ์ทางการเมือง ช่วยเพิ่มบทบาทให้ประเทศไทย  มั่นใจ “ปี 2561” จะเป็นปีพิเศษของคนไทยและประเทศไทยที่จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

ในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ออกอากาศ ในวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคสช. ได้กล่าวตอนหนึ่งถึงการที่สหภาพยุโรป หรือ อียู ปรับความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับประเทศไทย เนื่องจากได้ตระหนักถึงบทบาทความสำคัญของไทย ในฐานะประเทศผู้ประสานการเจรจาและสนับสนุนการขยายความร่วมมือ ระหว่างกลุ่มประเทศ อียู – อาเซียน ส่งผลการติดต่อทางการเมืองในทุกระดับ ระหว่างไทยกับอียูจะกลับเข้าสู่ระดับปกติ และ เป็นไปได้ว่าอาจจะกลับมาเจรจา “ข้อตกลงเขตการค้าเสรี ระหว่างยุโรป-ไทย” ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางในการขยายกลุ่มประเทศคู่ค้าออกไป และ สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศของไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามการที่ต่างประเทศได้ตระหนักถึงความตั้งใจ ก็คงไม่เท่ากับการที่พี่น้องประชาชนจะเปิดใจรับรู้ รับฟัง รับทราบในสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ อยากให้มองเห็นในสิ่งที่ดีๆ แล้วก็ช่วยกันเสนอแนะ ช่วยกัน “ติเพื่อก่อ” แสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในปีหน้า 2561 ก็จะเป็นปีพิเศษ เป็นปีแห่งการเปิดกว้างทางโอกาส สำหรับคนไทยและประเทศไทยที่จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าเป็นต้นไป จึงเป็นทั้งโอกาส และความท้าทาย ที่สำคัญมากสำหรับบ้านเมืองของเราและทุกคน “โอกาส” จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีความพร้อมเท่านั้น เมื่อ “ประตูแห่งโอกาส” ปิดลงแล้ว หากเราไม่ได้ทำอะไรเลย เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เราจะได้รับโอกาสที่ดีลักษณะนี้อีก ก็ขอให้ทุกคนได้ช่วยกัน ร่วมมือกัน ที่ผ่านมาถ้าหากว่าเราไม่มีความพร้อมในการสร้างความเข้มแข็งให้กับคนไทยให้สามารถพึ่งพาตนเองได้  แล้วก็มัวแต่ขัดแย้งกัน และมีปัญหาภายในกันเอง ไม่ให้ความสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ ก็ทำให้ประเทศของเรานั้นไม่ต่างอะไรจาก “คนป่วย”  แล้วเราก็ไม่สามารถที่จะมีความพร้อมไปแข่งขันกับใครเขาได้ในโลกใบนี้ ดังนั้นวันนี้เราต้องฟื้นฟู “คนป่วย” ให้เป็น “นักกีฬา” ด้วยการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ ทั้งเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม ให้สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม  และเงินทุน

ขอบคุณภาพ สำนักโฆษกทำเนียบรัฐบาล